มีสงครามเพื่ออะไร? กีล้านคนต้องเดือดร้อน แล้วใครจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้
ต้องสูญเสียอีกเท่าไร? ถึงจะหยุดสงครามทั่วแหล่งล้าได้..
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() |
|||||||
|
|||||||
คู่ขัดแย้ง | |||||||
ฝ่ายสัมพันธมิตร:
|
ฝ่ายมหาอำนาจกลาง:
|
||||||
กำลัง | |||||||
[1]
|
[1]
|
||||||
กำลังพลสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต : 5,525,000 คน บาดเจ็บ : 12,831,500 คน สูญหาย : 4,121,000 คน รวม : 22,477,500 คน |
เสียชีวิต : 4,386,000 คน บาดเจ็บ : 8,388,000 คน สูญหาย : 3,629,000 คน รวม : 16,403,000 คน |
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2457 สยามตั้งตัวเป็นกลาง จนกระทั่งวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 สยามจึงได้ประกาศสงครามกับเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการี และได้ส่งทหารอาสาสมัครไปช่วยรบ 1,284 คน ทั้งนี้รวมทั้งนายและพลทหาร สมทบกับนักเรียนไทยในนานาประเทศอีกประมาณ 400 คน รวมทหารอาสาสมัครทั้งหมดประมาณ 1,600 คน
ทหารอาสาออกเดินทางเมื่อ พ.ศ. 2461 ถึงประเทศฝรั่งเศสอยู่ใต้บัญชาการของนายพล เปแตง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ไปปฏิบัติการในสมรภูมิประเทศฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม
ภายหลังสงคราม สยามได้ขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ทำไว้เดิมกับประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อเมริกา เยอรมัน ฯลฯ โดยแก้ไขจากสนธิสัญญาเดิมที่สยามเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้ได้ประโยชน์ดีขึ้น นอกจากนี้ สยามยังได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติอีกด้วย
ผลที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้น มีความสำคัญดังนี้
ภายหลังสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้จัดเฉลิมฉลองชัยชนะที่ฝรั่งเศล ต่อมาได้มีการการประชุมสันติภาพปารีสของประเทศที่อยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงคราม ณ พระราชวังแวร์ซายโดยห้ามไม่ให้ฝ่ายมหาอำนาจผู้แพ้สงครามเข้าร่วมประชุมฝ่ายสัมพันธมิตรได้ร่างสนธิสัญญาสันติภาพขึ้นโดยมีใจความว่า
ให้จักรวรรดิเยอรมันต้องยินยอมรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ข้อตกลงข้อ 231 (ในภายหลังรู้จักกันว่า "อนุประโยคความรับผิดในอาชญากรรมสงคราม") และในข้อ 232-248 เยอรมนีถูกปลดอาวุธ ถูกจำกัดอาณาเขตดินแดน รวมไปถึงต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่กลุ่มประเทศฝ่ายไตรภาคีเป็นจำนวนมหาศาล เมื่อปี ค.ศ. 1921 ได้ประเมินว่ามูลค่าของค่าปฏิกรรมสงครามที่เยอรมนีจะต้องจ่ายนั้นสูงถึง 132,000 ล้านมาร์ก (ราว 31,400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 6,600 ล้านปอนด์) [1] อันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าจะยอมรับได้และไม่สร้างสรรค์ และเยอรมนีอาจต้องใช้เวลาชำระหนี้จนถึง ค.ศ. 1988
เนื่องจากประเทศทั้งสองคือฝรั่งเศลและอังกฤษต้องการจะให้เยอรมันอ่อนแอไม่ให้กลับแข็งแกร่งมาต่อกรอีก ยกเว้นสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมทำให้กลายเป็นสนธิสัญญาที่ดูไม่เป็นธรรมเลย
ในตอนแรกว่าตัวแทนทูตจากเยอรมนีได้เห็นสนธิสัญญาฉบับนี้ว่ารุนแรงและเป็นที่ยอมรับไม่ได้จึงไม่พอใจมาก แต่ต่อมาเยอรมนีได้จัดตั้งสาธารณรัฐขึ้นใหม่หลังจากจักรวรรดิล่มสลายไปคือ สาธารณรัฐไวมาร์ ได้ตกลงที่จะยอมรับปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซายทันทีทำให้เยอรมนีต้องอยู่อย่างอัปยศอดสู
แต่อย่างไรก็ตามสนธิสัญญาแวร์ซายนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างสันติภาพแต่อย่างใดเลย หากเป็นบ่อนทำลายที่จะทำให้เกิดสงครามโลกปะทุอีกครั้งซึ่งได้กลายเป็นความจริงอย่างแน่นอน เพราะในอีกยี่สิบเอ็ดปีให้หลัง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีได้ยึดอำนาจในสาธารณรัฐไวมาร์ได้สำเร็จ จากนั้นก็ได้ทำการฟื้นฟูทั้งการเมืองและกำลังทหารจนเข้มแข็งทำให้ละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซายและรุกรานประเทศอื่นจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สองในที่สุด
นอกจากนั้น ยังมีสนธิสัญญาอื่นๆอีก 4 ฉบับที่ต้องทำกับเหล่าประเทศที่อยู่ฝ่ายมหาอำนาจผู้แพ้สงครามได้แก่
สงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() |
|||||||
|
|||||||
คู่ขัดแย้ง | |||||||
ฝ่ายสัมพันธมิตร | ฝ่ายอักษะ | ||||||
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ | |||||||
ผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตร | ผู้นำฝ่ายอักษะ | ||||||
กำลังพลสูญเสีย | |||||||
รวมทั้งสิ้น 40,000,000-72,000,000 คน |
สงครามในยุโรปยุติลงหลังกองทัพแดงยึดกรุงเบอร์ลินได้ และการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของเยอรมนีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1945 แม้จะถูกโดดเดี่ยวและตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างยิ่ง ญี่ปุ่นยังปฏิเสธที่จะยอมจำนน กระทั่งมีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์สองลูกถล่มญี่ปุ่น และการบุกครองแมนจูเรีย จึงได้นำไปสู่การยอมจำนนอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1945
สงครามยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ผลของสงครามได้เปลี่ยนแปลงการวางแนวทางการเมืองและโครงสร้างสังคมของโลก
สหประชาชาติ ถูกสถาปนาขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและเพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต สหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตก้าวเป็นอภิมหาอำนาจของโลกอันเป็นคู่ปรปักษ์กัน นำไปสู่ความขัดแย้งบนเวทีแห่งสงครามเย็นซึ่งได้ดำเนินต่อมาอีก 46 ปีหลังสงคราม
ขณะเดียวกัน การยอมรับหลักการการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง เร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา พร้อม ๆ กับที่หลายประเทศได้มุ่งหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายระหว่างสงคราม และบูรณาการทางการเมืองได้เกิดขึ้นทั่วโลกในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์หลังสงคราม
นอกจากสงครามโลกแล้ว..ก็ยังมีสงครามภูมิภาคด้วยเช่นกัน..
สงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามอินโดจีน และ สงครามเย็น | |||||||||
![]() |
|||||||||
|
|||||||||
คู่ขัดแย้ง | |||||||||
![]()
Supported by |
![]()
Supported by: |
||||||||
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ | |||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() |
คณะสำรวจดินแดนตะวันออกไกลของฝรั่งเศส
รัฐเวียดนาม
|
||||||||
กำลัง | |||||||||
เวียดมินห์: ทหาร: 125,000 พลเรือน: 75,000 กองกำลังนิยม/ประจำการ: 250,000 อดีตทหารกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นและอาสาสมัคร: ~5,000 รวม: ~450,000 |
ฝรั่งเศส: คณะสำรวจ: 190,000 ฝ่ายความช่วยเหลือในพื้นที่: 55,000 รัฐเวียดนาม: 150,000 อดีตทหารกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นและอาสาสมัคร: ~1,000 รวม: ~450,000 |
||||||||
กำลังพลสูญเสีย | |||||||||
เวียดมินห์: หายสาบสูญและเสียชีวิตถึง 175,000–300,000 ราย |
สหภาพฝรั่งเศส: เสียชีวิต 75,581 ราย บาดเจ็บ 64,127 ราย, ถูกจับกุม 40,000 ราย รัฐเวียดนาม: หายสาบสูญและเสียชีวิตถึง 58,877 รายรวม: หายสาบสูญและเสียชีวิตถึง 134,500 ราย |
||||||||
พลเรือนหายสาบสูญและเสียชีวิตถึง 125,000–400,000 ราย |
เริ่มในอินโดจีนฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1946 และกินเวลาจนวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1954 การสู้รบระหว่างกำลังฝรั่งเศสและคู่ต่อสู้เวียดมินห์ในทางใต้เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1945
ความขัดแย้งนี้มีกำลังต่าง ๆ ซึ่งรวมกองทัพรบนอกประเทศภาคพื้นตะวันออกไกลฝรั่งเศสของสหภาพฝรั่งเศส ซึ่งมีฝรั่งเศสเป็นผู้นำ และมีกองทัพแห่งชาติเวียดนามของสมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ยสนับสนุนต่อเวียดมินห์ซึ่งมีโฮจิมินห์เป็นผู้นำและกองทัพประชาชนเวียดนามซึ่งมีหวอ เงวียน ซ้าปเป็นผู้นำ การสู้รบส่วนใหญ่เกินในตังเกี๋ยในเวียดนามเหนือ แม้ความขัดแย้งกลืนทั่วประเทศและยังลามไปรัฐในอารักขาอินโดจีนฝรั่งเศสเพื่อนบ้านลาวและกัมพูชา
ในเอเชียก็มีสงครามใหญ่กับเขาด้วยเหมือนกัน..
สงครามเวียดนาม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามเย็น | |||||||
![]() ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: ปฏิบัติการรบของสหรัฐในเอีย ดรัง, ทหารพราน ARVN กำลังป้องกันกรุงไซ่ง่อนระหว่างการรุกตรุษญวน ปี 2511, ดักลาส เอ-4ซี สกายฮอล์ค 2 ลำระหว่างบินไปโจมตีทางอากาศต่อเวียดนามเหนือหลังเหตุการณ์อ่าวตังเกี๋ย, ARVN ยึดจังหวัดกว๋างจิคืนระหว่างการรุกอีสเตอร์ ปี 2515, พลเรือนหลบหนีจากยุทธการที่กว๋างจิ ปี 2515, หลุมฝังศพเหยื่อ 300 คนในการสังหารหมู่ที่เว้ ปี 2511 |
|||||||
|
|||||||
คู่ขัดแย้ง | |||||||
|
|
||||||
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ | |||||||
|
|
||||||
กำลัง | |||||||
|
|
||||||
กำลังพลสูญเสีย | |||||||
|
|
||||||
|
สงครามเวียดนาม หรือ สงครามอินโดจีนครั้งที่สอง
หรือที่ชาวเวียดนามรู้จักกันในชื่อสงครามอเมริกา เป็นสงครามตัวแทนสมัยสงครามเย็นที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ลาวและกัมพูชาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2498 กระทั่งกรุงไซ่ง่อนแตกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518
สงครามเวียดนามนี้เกิดขึ้นหลังสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง และมีเวียดนามเหนือซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน สหภาพโซเวียตและพันธมิตรคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามฝ่ายหนึ่ง กับรัฐบาลเวียดนามใต้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและประเทศที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามอีกฝ่ายหนึ่ง เวียดกง (หรือ แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ) เป็นแนวร่วมประชาชนคอมมิวนิสต์เวียดนามใต้ที่ติดอาวุธเบาซึ่งมีเวียดนามเหนือสั่งการ สู้รบในสงครามกองโจรต่อกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค
กองทัพประชาชนเวียดนาม (กองทัพเวียดนามเหนือ) ต่อสู้ในสงครามตามแบบมากกว่า และบางครั้งส่งหน่วยขนาดใหญ่เข้าสู่ยุทธการ เมื่อสงครามดำเนินไป ส่วนการต่อสู้ของเวียดกงลดลงขณะที่บทบาทของกองทัพประชาชนเวียดนามเพิ่มขึ้น กำลังสหรัฐและเวียดนามใต้อาศัยความเป็นเจ้าเวหาและอำนาจการยิงที่เหนือกว่าเพื่อดำเนินปฏิบัติการค้นหาและทำลายซึ่งรวมถึงกำลังภาคพื้นดิน ปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ ตลอดห้วงสงคราม สหรัฐดำเนินการทัพทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนานใหญ่ต่อเวียดนามเหนือ และต่อมาน่านฟ้าเวียดนามเหนือกลายเป็นน่านฟ้าที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในโลก
รัฐบาลสหรัฐมองว่าการเข้ามามีส่วนในสงครามของตนเป็นหนทางป้องกันการยึดเวียดนามใต้ของคอมมิวนิสต์อันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาที่ใหญ่กว่า
โดยมีเป้าหมายที่แถลงไว้เพื่อหยุดการแพร่ของคอมมิวนิสต์ ตามทฤษฎีโดมิโนของสหรัฐ หากรัฐหนึ่งกลายเป็นคอมมิวนิสต์ รัฐอื่นในภูมิภาคก็จะเป็นไปด้วย ฉะนั้น นโยบายของสหรัฐจึงถือว่าการผ่อนปรนการแพร่ของคอมมิวนิสต์ทั่วประเทศเวียดนามนั้นยอมรับไม่ได้
รัฐบาลเวียดนามเหนือและเวียดกงต่อสู้เพื่อรวมเวียดนามอยู่ในการปกครองคอมมิวนิสต์ ทั้งสองมองข้อพิพาทนี้เป็นสงครามอาณานิคม ซึ่งเริ่มแรกสู้กับฝรั่งเศส โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ แล้วต่อมาสู้กับเวียดนามใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐหุ่นเชิดของสหรัฐ
ที่ปรึกษาทางทหารชาวอเมริกันมาถึงอินโดจีนขณะนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2493 การเข้ามามีส่วนของสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 โดยมีระดับทหารเพิ่มเป็นสามเท่าในปี 2494 และเพิ่มอีกสามเท่าในปีต่อมา การเข้ามามีส่วนของสหรัฐทวีขึ้นอีกหลังเหตุการณ์อ่าวตังเกี๋ย ปี 2507 ซึ่งเรือพิฆาตของสหรัฐปะทะกับเรือโจมตีเร็วของเวียดนามเหนือ ซึ่งตามติดด้วยข้อมติอ่าวตังเกี๋ยซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐเพิ่มทหารในพื้นที่ หน่วยรบปกติของสหรัฐถูกจัดวางเริ่มตั้งแต่ปี 2498 ปฏิบัติการข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ
โดยพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาวและกัมพูชาถูกกองทัพสหรัฐทิ้งระเบิดอย่างหนักขณะที่การเข้ามามีส่วนในสงครามของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2511 ปีเดียวกัน ฝ่ายคอมมิวนิสต์เปิดฉากการรุกตรุษญวน การรุกตรุษญวนไม่สัมฤทธิ์ผลในการโค่นรัฐบาลเวียดนามใต้ แต่ได้กลายเป็นจุดพลิกผันของสงคราม เพราะได้แสดงว่าเวียดนามใต้ไม่อาจป้องกันตัวเองจากเวียดนามเหนือได้ แม้สหรัฐจะทุ่มความช่วยเหลือทางทหารอย่างมหาศาลหลายปี
ด้วยจุดชัยชนะของสหรัฐนั้นไม่ชัดเจน จึงค่อย ๆ มีการถอนกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐโดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเรียกการแผลงเป็นวียดนาม (Vietnamization) ซึ่งมุ่งยุติการเข้ามามีส่วนในสงครามของสหรัฐขณะที่โอนภารกิจต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ให้เวียดนามใต้เอง
แม้ภาคีทุกฝ่ายลงนามข้อตกลงสันติภาพปารีสในเดือนมกราคม 2516 แล้วก็ตาม แต่การสู้รบยังดำเนินต่อไป ในสหรัฐและโลกตะวันตก มีการพัฒนาขบวนการต่อต้านสงครามเวียดนามขนาดใหญ่ขึ้น ขบวนการนี้ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมต่อต้าน (Counterculture) แห่งคริสต์ทศวรรษ 1960 และเป็นปัจจัยหนึ่งของมัน
การมีส่วนร่วมทางทหารของสหรัฐยุติลงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2516 อันเป็นผลมาจากคำแปรญัตติเคส–เชิร์ช (Case–Church Amendment) ที่รัฐสภาสหรัฐผ่าน การยึดกรุงไซ่ง่อนโดยกองทัพประชาชนเวียดนามในเดือนเมษายน 2518 เป็นจุดสิ้นสุดของสงคราม
และมีการรวมชาติเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ในปีต่อมา สงครามนี้คร่าชีวิตมนุษย์ไปมหาศาล ประเมินตัวเลขทหารและพลเรือนชาวเวียดนามที่ถูกสังหารมีตั้งแต่น้อยกว่า 1 ล้านคนเล็กน้อย ไปถึงกว่า 3 ล้านคน ชาวกัมพูชาเสียชีวิตราว 2-3 แสนคน ชาวลาวเสียชีวิต 20,000-200,000 คน และทหารชาวอเมริกันเสียชีวิตในข้อพิพาทนี้ 58,220 นาย
เราก็ํได้แต่หวังว่าสงครามคร่ามนุษย์ จะไม่มีเกิดขึ้นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว
Cr. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กลับสู่หน้าหลัก..คลิ๊กเลย
หน้าแรก
บทความอื่นๆ
หน้าที่เข้าชม | 291,675 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 253,711 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |