
เม็ดเลือดขาว (อังกฤษ: White blood cells - leukocytes)
เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียส ไม่มีฮีโมโกลบิน สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ เม็ดเลือดขาวที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเลือดแดง เป็นเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งคอยป้องกันร่างกายจากทั้งเชื้อก่อโรคและสารแปลกปลอมต่างๆ เม็ดเลือดขาวมีหลายชนิด
ทั้งหมดเจริญมาจาก pluripotent cell ในไขกระดูกที่ชื่อว่า hematopoietic stem cell เซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นเซลล์ที่พบได้ทั่วไปในร่างกาย รวมไปถึงในเลือดและในระบบน้ำเหลือง

จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวในเลือดมักใช้เป็นข้อบ่งชี้ของโรคและการดำเนินไปของโรค โดยปกติแล้วในเลือดหนึ่งลิตรจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ประมาณ 4×109 ถึง 11×109 เซลล์ รวมเป็นเซลล์ประมาณ 1% ในเลือดของคนปกติ
ในบางสภาวะ เช่น ลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะมีปริมาณได้มากกว่าปกติ หรือในภาวะ leukopenia จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะน้อยกว่าปกติ
คุณสมบัติทางกายภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่นปริมาตร conductivity และ granularity อาจเปลี่ยนแปลงไประหว่างการกระตุ้นเซลล์ การเจริญของเซลล์ หรือการมีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
Type |
Image |
Diagram |
Approx. % in humans |
Description |
Neutrophil |
 |
 |
50-70% |
นิวโทรฟิลมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราและจุลชีพอื่นๆที่ก่อให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย เม็ดเลือดชนิดนี้เป็นเหมือนด่านแรกของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันหากร่างกายได้รับเชื้อโรค ซึ่งถ้ามีการทำงานหรือเกิดการตายเกิดขึ้นจะแสดงออกมาในรูปของหนอง |
Eosinophil |
 |
 |
2-5% |
Eosinophils ทำหน้าที่หลั่งเอนไซม์ หรือสาร histamine เพื่อทำลายพวกพยาธิต่างๆ จะตอบสนองเพิ่มขึ้นเมื่อมี parasite ต่างๆหรือเป็นโรคภูมิแพ้ |
Basophil |
 |
 |
<1% |
Basophils จะพบน้อยมากในเลือด (ถ้าพบในเนื้อเยื่อ จะเรียกว่า Mast cell) มีบทบาทเกี่ยวกับภูมิแพ้ สามารถหลั่ง Histamine ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรง |
Lymphocyte |
 |
 |
20-40% |
Lymphocytes พบมากในระบบน้ำเหลือง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- B cells: ทำหน้าที่สร้างแอนตี้บอดี้ซึ่งช่วยกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งหลังจากทำการกำจัดแล้ว บางเซลล์จะช่วยจดจำรูปแบบของเชื้อโรคและช่วยให้เซลล์อื่นๆหลั่งแอนติบอดี้ที่เหมาะสมในการกำจัดเชื้อโรคนั้น
- T cells:
- CD4+ (helper) T cells co-ordinate the immune response and are important in the defence against intracellular bacteria.
- CD8+ cytotoxic T cells are able to kill virus-infected and tumor cells.
- γδ T cells possess an alternative T cell receptor as opposed to CD4+ and CD8+ αβ T cells and share characteristics of helper T cells, cytotoxic T cells and natural killer cells.
- Natural killer cells: Natural killer cells are able to kill cells of the body which are displaying a signal to kill them, as they have been infected by a virus or have become cancerous.
|
Monocyte |
 |
 |
3-6% |
Monocytes share the "vacuum cleaner" (phagocytosis) function of neutrophils, but are much longer lived as they have an additional role: they present pieces of pathogens to T cells so that the pathogens may be recognized again and killed, or so that an antibody response may be mounted. |
Macrophage |
 |
 |
(see above) |
Monocytes are able to develop into the professional phagocytosing macrophage cell after they migrate from the bloodstream into the tissue and undergo differentiation. |
- เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (Neutrophil) เป็นชนิดของเม็ดเลือดขาวที่มีมากที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา พิษจากสารต่าง ๆ หรือแม้แต่ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง
- เม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล (Eosinophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้และป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต และทำหน้าที่ควบคุมอาการอักเสบที่ทำให้เกิดอาการแพ้และโรคหอบหืด
- เม็ดเลือดขาวชนิดบาโซฟิล (Basophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อจากบาดแผล บรรจุสารที่มีคุณสมบัติในบรรเทาอาการแพ้และช่วยควบคุมการแข็งตัวของเลือด

- เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวที่ผลิตจากไขกระดูก เม็ดเลือดขาวชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย ๆ คือ บีเซลล์ (B-Cell) และทีเซลล์ (T-Cell) เมื่อเม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมาแล้ว 25% ชนิดบีเซลล์จะยังอยู่ในไขกระดูก ส่วนเม็ดเลือดขาว 75% จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและเลือด จากนั้นจะพัฒนาเป็นทีเซลล์ต่อไป โดยเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ทำหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อในครั้งต่อไป
- เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์ (Monocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ทำหน้าที่กำจัดจุลินทรีย์ สิ่งแปลกปลอม และเซลล์ที่ตายแล้ว
ระดับเม็ดเลือดขาวคนปกติทั่วไป
- แรกเกิด-1 เดือน 5,000-34,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุ 2-5 เดือน 5,000-15,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุ 6 เดือน-1 ปี 6,000-11,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุ 1-12 ปี 6,000-12,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุ 3-5 ปี 4,000-12,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุ 6-11 ปี 3,400-10,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
- อายุมากกว่า 12 ปี 3,500-10,500 เซลล์ต่อไมโครลิตร
เม็ดเลือดขาวต่ำ (Leukopenia)
คือภาวะที่ภายในเลือดมีปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
อาการเม็ดเลือดขาวต่ำ
ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นชัดเจน ทว่าผู้ป่วยบางคนจะพบอาการข้างเคียงจากการที่ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำเนื่องจากการติดเชื้อ ซึ่งอาการที่ปรากฏ เช่น
- มีไข้ หนาวสั่น
- มีอาการบวมแดง
- มีแผลที่ปาก มีปื้นสีแดงหรือฝ้าสีขาวอยู่ภายในปาก
- เจ็บคอ มีอาการไออย่างรุนแรง หรือหายใจถี่
- มีอาการเจ็บหรือปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ ปัสสาวะที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเน่า
- ท้องเสีย
- รู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนัก ร่วมกับอาการบวมแดง
- มีอาการบวมแดง และมีหนองออกมาจากบริเวณแผล
- มีอาการระคายเคืองที่ช่องคลอด หรือคันช่องคลอดผิดปกติ
นอกจากนี้ หากเป็นภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำเนื่องจากโรค อาจพบอาการอื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณของโรคร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากอาการเริ่มรุนแรงขึ้น หรือไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อความปลอดภัย
สาเหตุเม็ดเลือดขาวต่ำ
เม็ดเลือดขาวต่ำเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากความผิดปกติของแหล่งกำเนิดเม็ดเลือดขาว นั่นก็คือไขกระดูก หรือเกิดขึ้นจากการที่เม็ดเลือดขาวถูกทำลายเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่มักพบได้แก่
- การติดเชื้อไวรัส ทำให้การทำงานของไขกระดูกถูกขัดขวางจนไม่สามารถผลิดเม็ดเลือดขาวได้ เช่น การติดเชื้อไข้เลือดออกเป็นต้น
- ความผิดปกติที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ระบบการทำงานของไขกระดูกผิดปกติ
- โรคมะเร็ง โรคมะเร็งบางชนิดส่งผลให้ไขกระดูกถูกทำลายและทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- การติดเชื้ออย่างรุนแรง เมื่อเกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงจะทำให้เม็ดเลือดขาวต้องทำหน้าที่ในการต่อสู้กับการติดเชื้อ จึงทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงอย่างรวดเร็ว
- การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะส่งผลให้เม็ดเลือดขาวถูกทำลายได้
- โรคซาร์คอยโดซิส (Sarcoidosis) คือโรคที่เกิดภาวะการอักเสบที่ระบบอวัยวะหลาย ๆ ส่วนพร้อมกันโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจส่งผลต่อไขกระดูกด้วย
สาเหตุที่ทำให้เม็ดเลือดขาวลดลงอย่างผิดปกติ
- โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (Aplastic anemia) และความผิดปกติที่ไขกระดูก
- การรักษาด้วยเคมีบำบัด และฉายรังสี
- การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ป่วยโรคเอดส์
- การทำงานของม้ามที่หนักเกินไป จนเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดขาวถูกทำลายก่อนวัย
- วัณโรคและโรคติดเชื้อร้ายแรงต่าง ๆ
- โรคคอสแมนน์ (Kostmann’s Syndrome) ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวนิวโตรฟิลได้น้อย
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- โรคภูมิแพ้ตัวเอง
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- โรคไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม (Myelodysplastic Syndrome) เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากความผิดปกติในไขกระดูก
- ภาวะขาดสารอาหาร หรือขาดวิตามิน
- ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำเรื้อรัง เนื่องจากโรคไมโลคาเธซิส (Myelokathexis

เม็ดเลือดขาวสูง (Leukocytosis)
คือ ภาวะที่มีเม็ดเลือดขาวในโลหิตสูงกว่าปกติ โดยภาวะนี้อาจเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม หรือเป็นกลไกที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ
อาการเม็ดเลือดขาวสูง
- ไข้สูง
- มีเลือดออกหรือรอยฟกช้ำง่าย
- รู้สึกอ่อนแรง เหนื่อย หรือไม่สบาย
- รู้สึกหน้ามืด มีอาการคล้ายเป็นลม และมีเหงื่อออกมาก
- ปวดหรือมีอาการเหน็บชาที่บริเวณแขน ขา หรือหน้าท้อง
- หายใจลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น และการคิด
- น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ หรือมีความอยากอาหารลดลง
ทั้งนี้หากอาการข้างต้นเริ่มรุนแรงขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้น และต้องรีบได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
สาเหตุของเม็ดเลือดขาวสูง
โดยส่วนใหญ่หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่มีความผิดปกติใด ๆ เม็ดเลือดขาวจะอยู่ในระดับที่ปกติ หรือสูงกว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าหากมีปริมาณเม็ดเลือดขาวสูงขึ้นเกิดขึ้นเนื่องมาจาก
- ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับอาการติดเชื้อ
- ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายจากการใช้ยาที่ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวมากขึ้น
- โรคที่เกี่ยวกับไขกระดูก ที่ส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวมากขึ้นผิดปกติ
- โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมาเพิ่มขึ้น
เม็ดเลือดขาวสูงเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บบางชนิด ได้แก่
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ (Acute Lymphocytic Leukemia: ALL)
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอิลอยด์ (Acute Myelogenous Leukemia: AML)
- อาการแพ้ โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง
- โรคหอบหืด ภูมิแพ้
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดลิมฟอยด์
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์
- การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยาควินิดีน (Quinidine) ยาเฮพาริน (Heparin) ยาเอพิเนฟริน (Epinephrine) และยาโคลซาปีน (Clozapine)
- การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการติดเชื้อไวรัส
- โรคเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีโลไฟโบรซิส (Myelofibrosis)
- ภาวะเม็ดเลือดแดงข้น (Polycythemia Vera)
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- การสูบบุหรี่
- ความเครียด เช่น ความเครียดทางอารมณ์อย่างรุนแรง หรือภาวะตึงเครียดของร่างกาย
- วัณโรค
ด้วยจากวิถีชีวิตการอยู่อาศัยและการทำงานปัจจุบันนี้ ทำให้การรับประทานอาหารครบตามปริมาณและมีคุณค่าตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนั้นไม่ง่าย..แต่ถึงอย่างไรก็ควรจะต้องทำให้ได้เพื่อสุขภาพทีดีในระยะยาว
Cr.จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, Pobpad.com
ภูมิคุ้มกันน้อย..ขอแนะนำ..ดีกลูแคน..D-Glucan..สกัดจากธรรมชาติ เป็นตัวช่วยตัวหนึ่งเพื่อสุขภาพ
..ติดต่อ..เล็ก..คลิ๊กเลย..092 451 5905