อีลอน รีฟ มัสก์ (Elon Musk) เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1971 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ พ่อแม่หย่าขาดกัน ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยที่เขาเลือกอาศัยอยู่กับพ่อ
เขาเริ่มฉายแววนักประดิษฐ์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบเมื่อเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ “คอมโมดอร์ วิค-20” ศึกษาโปรแกรมเบสิคที่ต้องใช้เวลา 6 เดือนในการเรียนภายใน 3 วัน
ในวัย 12 ขวบเขาสร้าง และขายวิดีโอเกม ที่ชื่อว่าบลาสเตอร์ให้กับนิตยสาร พีซี และ ออฟฟิศ เทคโนโลยี ในมูลค่าประมาณ 500 เหรียญสหรัฐฯ ฉายแววนักประดิษฐ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ตามประสาเด็กหนุ่มวัยกำลังซน มัสก์มักจะมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่นอยู่เสมอ มีครอบครัวที่ไม่ได้ ยากลำบากนัก จนช่วงก่อนอายุครบ 18 ปีเขาได้ย้ายจากแอฟริกาใต้ ไปอยู่ที่แคนาดา โดยถือสัญชาติ ตามแม่ของเขา เขาจบการศึกษาปริญญาตรีด้านฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย และปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยวาร์ตัน การที่จะต่อปริญญาด้านแอพพรายฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด แต่เรียนได้เพียง 2 วันก็ออกไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเต็มตัวในปี 2002
เริ่มต้นธุรกิจ
ในปี 1995 เขาเริ่มต้นทำธุรกิจกับ คิมบัล น้องชาย เริ่มก่อตั้งบริษัท Zip2 บริษัทซอฟแวร์ด้วยเงินของพ่อ ตั้งต้นที่ 28,000 เหรียญสหรัฐ ให้บริการซิตี้ไกด์ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ เขาให้บริการกับหนังสือ พิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง เดอะ นิวยอร์ค ไทมส์ และเดอะ ชิคาโก้ ทริบูน ตอนนั้นเองเขาอยากเป็นซีอีโอ แต่บอร์ดบริหารไม่มีใครยินยอม จนท้ายที่สุดในปี 1999 บริษัทคอมแพคมาเทคโอเวอร์ Zip2ไปในมูลค่ากว่า 307 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอีก 34 ล้านเหรียญในสิทธิหุ้น ตัวเขาเองได้เงินไป 7% คิดเป็น 22 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ ในการซื้อขายดังกล่าว
กำเนิด PayPal
ในปีเดียวกันนั้นเขาร่วมก่อตั้งบริษัท X.com ออนไลน์ไฟแนนเชียลเซอร์วิซ และอีเมลเปย์เมนท์ด้วยเงิน ตั้งแต่กว่า 10 ล้านเหรียญ ก่อนจะทำการควบรวมกับบริษัท Confinity ที่ให้บริการด้านการแลกเปลี่ยนเงิน และเปลี่ยนชื่อเป็น PayPal ในปี 2001 ในช่วงแรกนั้น PayPal เน้นการทำตลาดแบบไวรัลมาร์เก็ตติ้ง โดยทำการให้เงินแก่ลูกค้าใหม่ เพื่อบอกต่อบริการ ในปี 2002 PayPal ถูก eBay ซื้อหุ้นไปถึง 1.5 พันล้านเหรียญ โดยที่อีลอน มัสก์ได้ส่วนแบ่งถึง 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการที่เขาถือหุ้นส่วนใหญ่ของ PayPal ที่ 11.7%
ปัจจุบันธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบ PayPal ยังมีการใช้อย่างแพร่หลายต่อเนื่อง
เมื่อโลกหมดความท้าทาย
ในปี 2002 อีลอน มัสก์ได้เริ่มธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับยานอวกาศภายใต้ชื่อบริษัท SpaceX หรือ Space Exploration Technologies โดยทุ่มเงินกว่า 100 ล้านเหรียญ โดยเกิดขึ้นเมื่อเขาสนใจการสำรวจดาวอังคารอย่างมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตเขาจะสามารถส่งคนไปบนดาวอังคารได้ อีกทั้งก่อตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารภายในปี 2040 ในปี 2006 SpaceX ได้รับสัญญาจาก NASA ในการพัฒนายานอวกาศ Falcon 9 เพื่อขนส่งคาร์โก้ไปยัง สถานีบนอวกาศ SpaceX กลายเป็นบริษัทเอกชนรายแรกของโลก ที่สามารถ ส่งยานอวกาศไปกลับสถานีบนอวกาศได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าในระหว่างนี้เขาต้องพบกับปัญหาการลาออกของหัวกะทิที่เขาจ้างมาอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก ตัวเขาเองบางครั้งต้องนอนที่ SpaceX และไม่ค่อยได้อาบน้ำด้วยซ้ำ
พลิกโฉมวงการยานยนต์กับ Tesla Motors
ในขณะเดียวกันในปี 2003 อีลอน มัสก์ ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท Tesla Motors สร้าง Tesla Roadster รถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัยขึ้นมาโดยขายไป 2,500 คันใน 31 ประเทศทั่วโลก และพัฒนา Model S สปอร์ตซีดานล้ำสมัยขึ้นมาออกจำหน่ายในปี 2012 และ ปล่อย Model X สปอร์ต SUV ตามมาอีก มีรายงานระบุว่ารายได้ต่อปีของเขาที่ Tesla Motors อยู่ที่ 1 ดอลลาร์เฉกเช่นเดียวกับที่สตีฟ จ็อบส์ เคยรับเมื่อสมัยกลับมาบริหารงานที่ Apple
พลังงานแสงอาทิตย์พลังแห่งอนาคต
นอกจากนี้ Tesla และ SpaceX อีลอน มัสก์ ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ SolarCity ในปี 2006 ร่วมกับ ลินดอน และปีเตอร์ ไรฟ์ ญาติของเขาเอง ซึ่งปัจจุบัน SolarCity เป็นผู้ให้บริการด้านพลังงาน แสงอาทิตย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ในปี 2014 เขาได้สร้างโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขึ้นที่เมืองนิวยอร์ค ตัวเขาเองระบุว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวนี้จะกลายเป็นโรงงานผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นของโลก
ชีวิตส่วนตัวของไอรอนแมน
ชีวิตของอีลอน มัสก์ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคาแรคเตอร์ของโทนี่ สตาร์คในหนังภาพยนตร์ เรื่องไอรอนแมน ด้วยความสามารถ และมันสมองที่ปราดเปรือง เป็นนักประดิษฐ์ และนวัตกรที่สามารถ พลิกโลกได้ เขามีทุกอย่างไล่ตั้งแต่ รถซูเปอร์คาร์แมคลาเรน เอฟวัน เครื่องบินเจ็ทแอร์โร แอล-39 เครื่องบินฟัลคอล 900 ยกเว้นความรักที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก เขาพบรักกับ จัสติน วิลสัน นักเขียนชาวแคนาดา สมัยที่เรียนอยู่ด้วยกัน ที่มหาวิทยาลัย ตัดสินใจแต่งงานในปี 2000 แต่หย่าขาดกันในปี 2008 มีลูกด้วยกัน 6 คน หลังจากนั้นเขาได้ออกเดทและแต่งงานกับนักแสดงสาวชาวอังกฤษ ทาร์ลูลาห์ ไรลีย์ ในปี 2010 อย่างไรก็ตามเขาได้ออกมาประกาศแยกทางกันในปี 2012 และกลับมาคบกันใหม่ในปี 2013 เป็นความรักที่ไร้ซึ่งความแน่นอนอย่างยิ่ง ในปี 2016 นี้พวกเขาแยกทางกันอีกครั้ง แง่คิดที่ได้จากอีลอน มัสก์ ชายผู้ท้าทายความเป็นไปได้
เรียนรู้จากการอ่านหนังสือ
ในวัยเด็กอีลอน มัสก์อ่านหนังสือวันละ 10 ชั่วโมง อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้าจนไม่มีอะไรจะอ่าน แล้วจึงอ่านสารานุกรมบริทานนิก้า ซึ่งมีเนื้อหาและขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้เขายังเรียนรู้การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตนเองผ่านการอ่านหนังสืออีกเช่นกัน และในช่วงสำคัญที่เขากำลังก่อตั้ง SpaceX ด้วยความรู้จากศูนย์ เขาตัดสินใจหาหนังสือที่สามารถเพิ่มทักษะความรู้เกี่ยวกับอวกาศ การสร้างจรวด และอ่านอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเติมสิ่งขาดหายไปโดยเร็ว
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับการอ่าน และพยายามเพิ่มพูนทักษะความสามารถอย่างรวดเร็วจากการอ่านหนังสือที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้
ล้มแล้วลุกไม่มีวันยอมแพ้
ความล้มเหลวของอีลอน มัสก์เรียกได้ว่าบ่อยครั้งนับไม่ถ้วน ครอบครัวแตกแยกตั้งแต่พอจำความได้ เคยถูกไล่ออกจากการเป็นซีอีโอโดยนักลงทุน หรือถูกเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งเตะออกจากตำแหน่งซีอีโอ (อีกแล้ว) ในช่วงระหว่างกำลังไปเที่ยว ลูกคนแรกต้องเสียชีวิตไปหลังจากคลอดออกมาได้เพียง 10 สัปดาห์ หย่าร้างหลายครั้ง ปล่อยยานอวกาศล้มเหลวถึง 3 ครั้งสูญเงินมหาศาลก่อนจะสำเร็จในครั้งที่ 4 เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่รู้จักความล้มเหลวดีเหมือนเพื่อนสนิทที่หมั่นมาทักทายอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยมองว่า เป็นความล้มเหลว แค่ล้มแล้วลุกขึ้นมาสู้ต่อทำให้เขามีทุกวันนี้
ทำงานอย่างหนัก
จากบทสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งอีลอน มัสก์ระบุว่า หากคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น อย่างน้อยเท่านึง ยิ่งทำงานหนักก็ยิ่งใช้เวลาน้อยกว่าคนอื่นในการประสบความสำเร็จ และควรจะทำงานอย่าง 80-100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในสมัยก่อตั้ง Zip2 ตลอด 3 เดือนแรกเขาต้องนอนที่ออฟฟิศเพื่อทุ่มเททำงานอย่างหนัก จนถึงปัจจุบันเขา ยังนอนที่ SpaceX และทำงานอย่างหนัก มีข่าวลือว่าเขาเองทำงานกว่า 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มาแล้วอย่างน้อย 15 ปี
ไม่มีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา
เขาทำงานเป็นซีอีโอ และซีทีโอให้กับ SpaceX และเป็นซีอีโอให้กับ Tesla Motors บริหารงานกับ SolarCity เพราะฉะนั้นคำว่าไม่มีเวลาคงไม่อยู่ในพจนานุกรมฉบับอีลอน มัสก์อย่างแน่นอน เขายังหาเวลาเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับการสร้างยานอวกาศได้อีกทั้งที่ทำงานอย่างหนักขนาดนี้ คนที่นั่งเฉย ๆ กำลังว่างงาน หรือบ่นว่าไม่มีเวลาควรจะลองเอาอย่างเขาดู
ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
เขาเขียนโปรแกรมที่ต้องใช้เวลา 6 เดือนเป็นภายใน 3 วันตั้งแต่เด็ก ก่อตั้งบริษัทที่สร้างรายได้มหาศาล นับไม่ถ้วน สร้างยานอวกาศเพื่อขนส่งไปยังสถานีบนอวกาศได้สำเร็จทั้งที่ไม่มีความรู้อะไรเลยตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งบริษัทรถยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าไม่ต้องใช้น้ำมันและแทบไม่ต้องใช้คนคอยขับ นั่งจิบกาแฟก็ถึงที่หมายได้
ทั้งหมดนี้หากย้อนเวลากลับไป เขาไม่มีเงินเป็นต้นทุนเลย หากเป็นคนทั่วไปคงคิดว่าทุกอย่างนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากสองมือก่อตั้งบริษัทจากไม่มีอะไรเลย เพียงแค่อาศัยเงินทุนเล็กน้อยและแรงใจ แรงกายที่เชื่อว่าทุกสิ่งเป็นไปได้
คิดใหญ่ ทำใหญ่ เหนือความคิดหมาย
ลอว์เรนซ์ อี. เพจ (Lawrence E.Page) หรือในนามที่รู้จักกันดี แลร์รี เพจ (Larry Page) เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.1973 ณ เมือง แอนอาร์เบอร์ มลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เพจเป็นชาวยิว-อเมริกัน เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล เสิร์ช ร่วมกับ เซอร์เกย์ บริน
การศึกษา
แลร์รี่ เพจ จบการศึกษาชั้นมัธยมจากมัธยมศึกษาอีสต์แลนซิง จากเมืองอีสต์แลนซิง จบการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาเบอร์ หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพจ เป็นบุตรของ คาร์ล วินเซนต์ เพจ (Carl Vincent Page) ศาสตราจารย์สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตต และ นางกลอเรีย เพจ (Gloria Page)
ธุรกิจ
ขณะที่ศึกษาปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพจได้ความคิดจากเพื่อนของเขาแอเลกซ์ ซองคิน และภายหลังได้พบกับ เซอร์เกย์ บริน ทั้งสองคนได้พัฒนา Google Search Engine ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 เพจและบรินได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทกูเกิล จนกระทั่งปีค.ศ. 2001 พวกเขาได้จ้างเอริก ชมิดต์ให้เป็นประธานกรรมการ (Chairman) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท พวกเขาได้ดำเนินธุรกิจบริษัทกูเกิลเคียงบ่าเคียงไหล่จนถึงปัจจุบัน จากนิตยสาร Forbes ในเดือนกันยนยน ปี2006 ระบุว่าเพจมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกอันดับที่ 27 เป็นตำแหน่งที่ต่ำกว่า บริน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับเขาเพียงแค่ตำแหน่งเดียว เมื่อไม่นานมานี้เพจและบรินยังได้ร่วมกันซื้อเครื่องบิน โบอิ้ง 767 เพื่อใช้ในงานในธุรกิจและงานส่วนตัวอีกด้วย
ุ6. Alibaba: แจ๊ค หม่า
ภาพจาก wikipedia
แจ๊ค หม่า เป็นคนเชื้อสายจีน มีชื่อจริง ๆ ว่า "หม่า หยุน" เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2507 ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากนัก ในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ช่วงวัยเด็กของเขาอาจไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะเรียนไม่เก่ง ต้องซ้ำชั้นอนุบาลถึง 7 ปี และมักจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้ออยู่เสมอ ในสมัยเด็กเขาสนใจที่จะศึกษาภาษาอังกฤษมากกว่าสิ่งใด ช่วงเริ่มต้นอาชีพเขาจึงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและได้รับเงินเดือนเพียง 500 บาท แต่ก็ทำให้เขาเป็นคน
จีนที่เก่งภาษาอังกฤษอย่างหาตัวจับยากทีเดียวในประเทศจีนยุคนั้นภาพจาก lider
หลังจากเรียนจบ แจ็ค หม่า ก็ได้ตระเวนหางานทำเหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป ซึ่งช่วงแรกของการหางาน เขาเคยโดนปฏิเสธมามากกว่า 30 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการโดนปฏิเสธจากร้าน KFC เคยสมัครเข้าเป็นตำรวจ จากผู้สมัครทั้งหมด 5 คน มีเขาคนเดียวที่ไม่ติด หรือแม้แต่เคยไปสมัครงานในโรงแรม พร้อมกับลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งก็เป็นเขาอีกเหมือนเดิมที่ไม่ได้งาน แต่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นได้งานไป
วิสัยทัศน์ของแจ็ค หม่า เริ่มต้นจากการที่เขาไปเยี่ยมเพื่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเขาลองให้เพื่อนค้นหาสินค้าเป็นภาษาจีน ปรากฎว่าไม่พบผลการค้นหานั้น ทำให้เขาได้ค้นพบช่องว่างทางธุรกิจที่มหาศาล ในปี 1995 เขาก่อตั้งบริษัทไชน่าเยลโล่เพจเจส ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทอินเตอร์เน็ตแรกสุดในประเทศจีน หลังจากนั้นปี 1999 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Alibaba ด้วยวิสัยทัศน์ด้านอีคอมเมิร์ซ ต่อมาได้ขยายเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องออกไปเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นที่คนไทยรู้จักกันดีคือ Taobao.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ลักษณะที่ให้คนทั่วไปมาลงขายสินค้าได้ นอกจากนี้ยังมีบริษัทย่อยเด่นๆอีกเช่น Tmall, Aliexpress, Aplipay, Juhuasuan, 1688.com, eTao, Alibaba Cloud Computingภาพจาก Kapook
และในปี 2012 ได้มีธุรกรรมซื้อขายผ่าน Alibaba รวมทั้งสิ้น 1 ล้านล้านหยวน(ประมาณ 5 ล้านล้านบาท) โดยแจ็ค หม่านำบริษัท Alibaba เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและทำสถิติ IPO ที่ระดมเงินได้สูงสุดในประวัติการณ์ของตลาดหุ้นสหรัฐ ในวันแรกที่ซื้อขายมูลค่าบริษัท Alibaba พุ่งสูงถึงกว่า 200 พันล้านเหรียญ(6 ล้านล้านบาท) แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ eBay ส่งผลให้เขากลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนใหม่ของประเทศจีนในทันทีภาพจาก Associated Press
สาเหตุที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ
ก็ด้วยตลาดผู้บริโภคจีนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นเอง ทำให้หลายบริษัทจากต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจต้องปรับตัวกันใหญ่ จนถึงถอนตัวกลับบ้านเลยก็มี โอกาสจึงเป็นของ แจ็ค หม่า เข้ากับทำนองที่ว่า “คนจีนเข้าใจคนจีน” มากกว่า โดยบริษัท Alibaba Group มี 3 เว็บคือ
- alibaba.com ที่มีลักษณะธุรกิจแบบขายส่งระหว่างบริษัท ( B2B)
- taobao.com ที่มีลักษณะธุรกิจแบบขายปลีกระหว่างลูกค้า
- tmall.com ที่มีลักษณะธุรกิจที่ให้แบรนด์สินค้าต่างๆมาเปิดร้านบนเว็บไซต์
ความสำเร็จได้มาแบบง่ายๆ ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเท อดทน ท้าทาย บ้างาน เป้าหมายชัดเจน และสุดท้ายขาดไม่ได้เลยคือเรียนรู้จนกว่าจะเข้าใจในงานของตนเองอย่างถ่องแท้..