แร่ธาตุที่มีประจุเป็นลบจะถูกดึงดูดเข้าหาไอออน H+ ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้เป็นแร่ธาตุที่เป็นกรด โดยแร่ธาตุที่เป็นกรดจะประกอบไปด้วย คลอรีน (Cl-) ซัลเฟอร์ (S-) ฟอสฟอรัส (P-) และแร่ธาตุเหล่านี้จะก่อให้เกิดกรดไฮโดรคลอริก (HCL – Hydrochloric Acid) และกรดฟอสฟอริก (H3PO4 – Phosphoric acid) แร่ธาตุที่มีประจุบวกจะถูกดึงดูดด้วยแร่ธาตุ OH- ที่มีประจุลบ
แร่ธาตุอัลคาไลน์ (ด่าง) ที่เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ประกอบไปด้วยแคลเซียม (Ca+) โพแทสเซียม (K+) แมกนีเซียม (Mg+) และโซเดียม (Na+) (ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณโซเดียมในร่างกายมากเกินไป
ในการที่จะระบุว่าอาหารหนึ่งๆเป็นกรดหรือเป็นอัลคาไลน์นั้น ให้นำอาหารนั้นมาเผาไหม้และนำเถ้าไปผสมกับน้ำ หากสารละลายที่ได้จากเถ้านั้นเป็นกรด อาหารนั้นก็จะมีคุณสมบัติเป็นกรด และถ้าสารอาหารที่ได้จากเถ้านั้นเป็นด่าง อาหารนั้นก็จะมีคุณสมบัติเป็นด่าง โดยที่เถ้านั้นก็คือส่วนที่เป็นแร่ธาตุของอาหารนั้นๆนั่นเอง
ในขณะที่ผู้คนรับรู้ว่าร่างกายต้องการแคลเซียมในการเสริมสร้างกระดูก แต่พวกเขามักไม่ค่อยรู้ว่ากระดูกเกิดจากส่วนผสมที่ซับซ้อนจากแร่ธาตุจำนวนมาก และหากไม่มีแร่ธาตุเหล่านั้น มนุษย์ก็จะไม่สามารถมีกระดูกที่ดีได้ มีแร่ธาตุอย่างน้อย 18 ชนิดที่มีความสำคัญในการเสริมสร้างกระดูก ซึ่งหมายความว่ากระดูกสามารถถูกทำลายได้โดยง่ายมากกว่าการสร้างกระดูกขึ้นมาใหม่หากในร่างกายมีความเป็นกรดมากจนเกินไป นอกจากนี้ ปริมาณแร่ธาตุรองในดินที่ใช้ปลูกพืชผักนั้นเริ่มหมดลง ดินจึงมีสารอาหารที่จำเป็นน้อยลงด้วย ร่างกายของมนุษย์ยังต้องการสารอาหารมากกว่า 90 ชนิดเพื่อการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และรายการของแร่ธาตุดังกล่าวนั้นยิ่งสูงเพิ่มขึ้นทุกปี เรื่องราวเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกลไกการเผาผลาญของร่างกาย
หากของเหลวในร่างกายมนุษย์มีคุณสมบัติเป็นกรด ของเหลวเหล่านี้จะมองหาแร่ธาตุที่เป็นด่างเพื่อที่จะทำปฏิกิริยา แร่ธาตุเหล่านี้ประกอบไปด้วยโซเดียม โพแทสเซียม สังกะสี เหล็ก แคลเซียม เป็นต้น หากแร่ธาตุเหล่านี้มีอยู่ไม่เพียงพอในอาหาร ของเหลวที่เป็นกรดก็จะดึงดูดแร่ธาตุเหล่านี้จากในตับ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก และอื่นๆมาทดแทน
แต่ว่าเหตุใดจึงต้องมีกระบวนการนี้เกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าของเหลวในร่างกายมนุษย์ เช่นสารน้ำแทรก น้ำไขสันหลัง และน้ำเหลือง ถูกออกแบบให้มีความเป็นอัลคาไลน์เล็กน้อย ยกเว้นก็เพียงแต่กรดไฮโดรคลอริกที่ผลิตในกระเพาะอาหารเท่านั้น
ในขณะที่ร่างกายของเราได้รับการออกแบบให้มีความเป็นอัลคาไลน์ แต่เซลล์ต่างๆกลับผลิตสารที่มีคุณสมบัติเป็นกรด ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกิจกรรมต่างๆทั่วไปในร่างกาย ของเสียที่เป็นกรดนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ซึ่งจะถูกกำจัดอย่างไม่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการบริโภคอาหาร และอาหารเหล่านั้นได้รับการเผาผลาญ แต่อาหารที่เผาผลาญเหล่านั้นทั้งหมดกลับไม่ได้ถูกนำมาใช้จนหมด ส่วนที่เหลือจากการเผาผลาญจะเรียกว่าเถ้า (และความขัดแย้งส่วนใหญ่ในหัวข้อนี้บางทีอาจมาจากการจำแนกอาหารเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดเถ้าที่เป็นกรด และอาหารที่ก่อให้เกิดเถ้าที่เป็นอัลคาไลน์) การย่อยอาหารจะออกซิไดส์อาหารในรูปแบบที่เสมือนกับว่าอาหารได้ถูกเผาไหม้ เว้นเสียแต่ว่ากระบวนการนี้จะเกิดขึ้นโดยมีเอนไซม์เข้ามาเกี่ยวข้องที่อุณหภูมิต่ำ
ยกตัวอย่างเช่น มะนาวจะถูกย่อยเป็นคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะถูกย่อยลงไปอีกเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ และก่อให้เกิดผลพลอยได้ต่างๆจากกระบวนการนี้ ซึ่งก็คือเถ้าที่มีคุณสมบัติเป็นอัลคาไลน์ที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม และแคลเซียม ดังนั้นในขณะที่มะนาวมีรสเป็นกรดและแสดงค่า pH ที่เป็นกรดหากนำมาทดสอบค่า pH แต่เถ้าของมะนาวเป็นอัลคาไลน์ ดังนั้นผลของมะนาวที่มีต่อร่างกายจึงเป็นอัลคาไลน์ด้วยเช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม โปรตีนมีเถ้าที่ประกอบด้วยฟอสเฟต ซัลเฟต และไนเตรต (จากฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ และไนโตรเจนที่มีอยู่ในโปรตีน) เถ้าเหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นกรดทั้งหมด ดังนั้นผลลัพธ์ของการบริโภคโปรตีน (ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่มาจากแหล่งที่มาจากสัตว์หรือจากพืช) ที่มีต่อร่างกายก็คือการเพิ่มความเป็นกรดของร่างกายนั่นเอง ร่างกายจำเป็นต้องกำจัดของเสียที่เป็นกรด แต่ทว่าเถ้าที่มีคุณสมบัติเป็นกรดเหล่านี้ไม่สามารถกำจัดได้ผ่านปอดออกมาเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และผ่านน้ำในรูปแบบเดียวกันกับการหายใจระดับเซลล์
ดังนั้นร่างกายของเราจึงต้องมีกระบวนการบัฟเฟอร์เถ้าเหล่านี้ด้วยสารที่เป็นอัลคาไลน์ในร่างกายเพื่อทำให้เถ้าที่เป็นกรดเหล่านี้มีความเป็นกลาง โดยที่กระบวนการบัฟเฟอร์จะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกเซลล์ และโดยมากแล้วจะเกิดขึ้นในเลือด
การวิจัยทางคลินิกของ ดร. M T Morter (Arkansas, USA) ได้แสดงให้เห็นว่าหากค่า pH ของปัสสาวะและน้ำลาย (วัดภายหลังจากที่ตื่นนอนทันที) มีค่าต่ำกว่า 6.8 ก็จะเป็นที่แน่ชัดว่าร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับการเสริมสร้างด้านการย่อยอาหาร และการศึกษาทางคลินิกของ ดร. Paul Yanick (Pasadena, USA) ยังได้รับรองการค้นพบของ ดร. Morter และมีการบันทึกว่าการดูดซึมสารอาหารภายในเซลล์จะลดลงอย่างมากเมื่อค่า pH ของฤทธิ์เสริมสร้างในร่างกาย (Anabolic) มีค่าต่ำกว่า 6.8
อย่างไรก็ตาม การศึกษาทั้งสองได้แสดงให้เห็นว่าการเสริมอาหารด้วยสารที่เป็นอัลคาไลน์โดยการเติมแร่ธาตุและเอนไซม์ที่เป็นอัลคาไลน์นั้นมีประโยชน์มากในการเพิ่มค่า pH ให้กับระบบของร่างกาย เนื่องจากความบกพร่องทางระบบของร่างกายจะแสดงให้เห็นในระยะสุดท้ายในระบบทางเดินอาหาร
เราไม่ควรรอจนสัญญาณและอาการของการย่อยอาหารที่แย่ลงเกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเพื่อเป็นการป้องกัน เราควรจะชดเชยแร่ธาตุเมื่อมีอาการใดๆก็ตามเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและเมื่อใดก็ตามที่ค่า pH ของ Anabolic นั้นต่ำกว่า 7.4 ภายหลังจากการทดสอบค่า pH ของปัสสาวะ (Alkaline Load Test) (โปรดดูที่เอกสาร “Correlative Urinalysis” จาก M T Morter)
อาหารที่มีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง และมีปริมาณผักผลไม้สด หรือผักผลไม้สีเขียวต่ำ จะจำกัดกระบวนการย่อยอาหาร ยับยั้งการย่อยอาหารและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเต็มไปด้วยโมเลกุลขนาดใหญ่ที่ย่อยไม่สมบูรณ์และสารพิษ
การรบกวนระบบย่อยอาหารนี้จะเพิ่มขึ้นหากมีการรับประทานสารผสมในอาหารเป็นจำนวนมาก การได้รับยาฆ่าแมลง และอาหารที่จะไปกระตุ้นอื่นๆซึ่งพบมากในอาหารของชาวตะวันตก และผู้คนจำนวนมากแก้ไขปัญหาคุณภาพของน้ำในแหล่งสาธารณะด้วยการหันไปดื่มน้ำในบรรจุภัณฑ์พลาสติกแทน แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ทราบว่า แท้จริงแล้ว น้ำบรรจุขวดทั้งหมดมีคุณสมบัติเป็นกรดสูง และยังขาดแคลนแร่ธาตุอัลคาไลน์ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย
Cr. biocerathai.com
หน้าแรก
บทความอื่นๆ
หน้าที่เข้าชม | 291,673 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 253,709 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |