“น้ำเปรียบเสมือน แม่ ผู้ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต, ถ้าปราศจากน้ำ ก็จะไม่มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น”
Albert Szent – Gyorgyi, นักชีววิทยาชาวฮังการี ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ปี 1937
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้ทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับน้ำ ผลลัพธ์ก็คือผมมีความเข้าใจเรื่องของน้ำมากขึ้น จนผมกล้าพูดได้ว่า ผมมีความรู้เหมือนคนจบปริญญาตรีทางด้าน H2O (น้ำ) ผมเข้าใจถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นของเหลวที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำในรูปของน้ำไออน (Ionized Water)
น้ำเป็นสิ่งที่เป็นปริศนาอย่างยิ่งต่อคนจำนวนมาก ผู้คนรู้ว่าเราต้องการน้ำ แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเราถึงต้องการน้ำ และเราไม่รู้ว่าร่างกายเราต้องการน้ำชนิดใด ผมได้ยินคนพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “น้ำก็คือน้ำ” แต่ผมยืนยันได้ว่า น้ำที่ทุกคนมองเห็นว่าเหมือน ๆ กันนั้น แท้จริงแล้วมันไม่เหมือนกัน และผมจะอธิบายให้ฟังต่อไป
น้ำที่ออกจากท่อประปา ไม่เหมือนกับน้ำในขวดพลาสติก น้ำที่ไหลลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็ง ไม่เหมือนกับน้ำที่อยู่ในแม่น้ำ ตัวอย่างของน้ำที่ผมกล่าวมาอาจจะทำให้คุณมองเห็นภาพความแตกต่างกันของน้ำ อย่างไรก็ตามคนเราก็ยังจ่ายเงินซื้อน้ำดื่ม โดยที่เราก็ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงคุณสมบัติของน้ำ เช่น ความบริสุทธิ์, องค์ประกอบของน้ำ, แร่ธาตุ, และคุณสมบัติทางไฟฟ้า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คนส่วนใหญ่ไม่ทราบเลยว่า ส่วนประกอบต่าง ๆ ของน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายได้อย่างไร
หนังสือหลาย ๆ เล่ม งานวิจัยหลาย ๆ เรื่อง บทความต่าง ๆ มากมายที่ได้กล่าวถึง “น้ำ” อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลใหญ่เกี่ยวกับน้ำ ผู้คนศึกษาหาความรู้เรื่องน้ำจากหลาย ๆ แหล่ง บ้างก็เกิดความสับสน จนในที่สุด เรามักจะสรุปกันว่า “น้ำก็คือน้ำ” ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปว่า น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการมีสุขภาพที่ดี
คนส่วนใหญ่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำประมาณ 70%, เราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว, มนุษย์จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 7 วัน หากขาดอาหาร แต่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 4 วัน หากขาดน้ำ และความรู้เรื่องน้ำอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่รู้ หรือขาดความตระหนักถึงก็คือ น้ำดื่มส่วนใหญ่มีความเป็นกรด (Acidic) และเป็น Dead Water น้ำที่ตายแล้ว ปราศจากแร่ธาตุ และน้ำประปาก็เต็มไปด้วยสารพิษ (คลอรีน และฟลูออไรด์) สิ่งเหล่านี้เป็นตัวทำอันตรายต่อเซลล์ในร่างกายของเรา โดยเป็นตัวไปแย่งน้ำในเซลล์ของเรา และยังมีสารอนุมูลอิสระ (Oxidant) มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อีกด้วย
เราได้พูดถึงความสำคัญของเรื่อง กรด-ด่าง ในผู้ป่วยโรคมะเร็งไปแล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีความเป็นกรดในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวเสริมให้การเป็นมะเร็งเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าพูดถึงเรื่อง การวัดค่า pH (Potential of hydrogen) คือการวัดจำนวน Hydrogen ในสสารนั้น ว่าจะทำให้สารนั้นมีค่าเป็นกรด (H+ ไฮโดรเจน) หรือด่าง (OH- ไฮดรอกไซด์) ยกตัวอย่างสารที่มี pH 8 หมายความว่า จะมีจำนวนของ ไฮดรอกไซด์ มากกว่าสารที่มี pH 6 อยู่ 100 เท่า
ซึ่งการเปรียบเทียบนี้ มีความสำคัญ 2 อย่างคือ ประเด็นที่หนึ่ง น้ำ pH 8 จะไปเพิ่มความเป็นด่างอ่อน ๆ ให้กับร่างกาย ในขณะที่น้ำ pH 6 จะไปทำให้ร่างกายเป็นกรดมากขึ้น
ประเด็นที่ 2 ไฮโดรเจน มีความสำคัญในการเป็นตัวให้พลังงาน (เป็นเชื้อเพลิง) ให้กับร่างกาย และซ่อมแซมรักษาร่างกาย น้ำจะมีพลังงานไฟฟ้า (Electrical Energy) ซึ่งสามารถวัดได้ในหน่วย มิลลิโวลต์ (เป็นหน่วยที่เล็กมาก คุณจะไม่ถูกไฟฟ้าช็อตจากการดื่มน้ำที่มีพลังงานไฟฟ้า) ประจุของไฟฟ้านี้ สามารถวัดออกมาได้เป็นทั้งค่าประจุบวก (+) และประจุลบ (-) และน้ำก็จะสามารถเปลี่ยนค่าประจุได้ตามกาลเวลา สิ่งที่สำคัญที่จะต้องเข้าใจในตอนนี้คือ ประจุบวกนั่นคือ อะตอมของไฮโดรเจน (H+) ซึ่งจะทำให้น้ำเป็นกรด ส่วนอะตอมของไฮโดรเจน ที่จับกับออกซิเจนจะทำให้เกิดประจุลบ (OH-) ทำให้น้ำเป็นด่าง และนี่คือสิ่งที่คุณควรจะรู้
การวัดค่าของประจุบวกและประจุลบในน้ำนี้เรียกว่า Oxidation Reduction Potential (ORP) ความสามารถของน้ำที่มีค่า ORP ต่างกันจะมีผลต่อการ ต่อต้าน หรือส่งเสริม อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา ในร่างกายเรานี้ มีการทำสงครามกันระหว่างกรดและด่างอยู่เสมอ แต่ด้วยการที่เราทานอาหารและดื่มน้ำซึ่งเป็นกรดเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้กรดในร่างกายมักจะมากเกินไปอยู่เสมอ ๆ และการที่มีกรดเกิน (Acid Overload) ในร่างกายนั้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง ในทางกลับกัน ถ้าเราบริโภคอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นด่าง (OH-) จะไปจับกับกรด (H+) ในร่างกายเรา ทำให้อนุมูลอิสระหายไปด้วย อนุมูลอิสระนี้เป็นตัวก่อให้เกิดความเสื่อมต่าง ๆ ภายในร่างกายของเรา
การเพิ่มขึ้นของความเป็นด่าง ส่งผลให้เกิดการลดลงของกระบวนการออกซิเดชั่น (การรวมตัวกับ O2 หลักการเดียวกับการเกิดสนิม) ซึ่งผลของการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) สามารถอธิบายให้เห็นได้โดยการยกตัวอย่างของโรคไวรัสตับอักเสบ, มะเร็งในตับ, มะเร็งในตับอ่อน, เบาหวาน, ไตอักเสบ, ไตวาย, โรคไตเสื่อม, มะเร็งในไต ทุกโรคที่กล่าวมานี้ ล้วนแต่เลวร้ายทั้งหมด ลักษณะโดยรวมที่เหมือนกันของโรคเหล่านี้ นั่นก็คือ มะเร็ง
ดังนั้น น้ำไอออน (Ionized Water) สามารถช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย และตัวประจุลบที่อยู่ในน้ำ สามารถช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ได้ และน้ำไอออน ยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญคือ เป็นน้ำที่ถูกทำให้กลุ่มโมเลกุลของน้ำเล็กลง (Low Micro Clustering) ประเด็นนี้นับว่าเป็นประเด็นที่ร้อนแรงในทุกวันนี้ ทำให้มีแนวความคิดทางวิทยาศาสตร์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น
งานวิจัยหลายงานมีความเชื่อว่า น้ำสามารถเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่คงตัว และมีความสามารถในการที่จะทำให้เป็นโมเลกุลเล็กได้ แต่นักวิทยาศาสตร์อีกครึ่งหนึ่ง มีความเชื่อในทางตรงกันข้าม และได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์โดยการศึกษาที่เรียกว่า Nuclear Magnetic Resonance Testing (การทดสอบการสั่นสะเทือนโดยใช้แม่เหล็กนิวเคลียร์) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่า กระบวนการ Electrolysis (การแยกสลายด้วยกระแสไฟฟ้า) มีความสามารถในการลดขนาดกลุ่มของน้ำ (Cluster) โดยปกติการจับตัวของน้ำประปา 1 กลุ่ม จะมีน้ำอยู่ 10-20 โมเลกุลต่อกลุ่ม แต่เมื่อเรานำน้ำประปาผ่านกระบวนการ Electrolysis แล้วน้ำจะกลายเป็น Ionized Water ที่มีจำนวนน้ำ 5-6 โมเลกุลต่อน้ำ 1 กลุ่ม กระบวนการนี้จะไปลดแรงตึงของผิวน้ำ และเกิดการทำละลายได้ง่ายขึ้น รวมถึงทำให้เซลล์ยอมให้เกิดการซึมผ่านเข้ามาในเซลล์ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
คุณยายของผมได้พูดถึง ข้อพิสูจน์บางอย่าง จนทำให้ผมต้องกลับไปทำการทดลองอย่างจริงจัง น้ำจะมี ค่า Half-Life (ช่วงเวลาที่สลายตัวเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม) ในกระเพาะอาหารอยู่ที่ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่ม ความเร็วที่ดื่ม และอุณหภูมิของน้ำ นั่นหมายความว่า น้ำ (ซึ่งไม่ต้องการการย่อย) จะมีโอกาสเหลือในกระเพาะอาหารของเรา ภายในเวลา 5-10 นาทีนั้น เชื่อเถอะว่า น้ำ Ionized Water ที่มีคุณภาพดีนั้น จะออกไปจากกระเพาะอาหารของเราหมดภายใน 5-10 นาทีนั้นแน่นอน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ได้รับการยอมรับและพิสูจน์โดยตัวผมเองและอีกหลาย ๆ คนที่ผมได้บอกไป จากประสบการณ์จริงก็คือ เมื่อเราดื่มน้ำ (ชนิดใดก็ได้) แบบรวดเร็วจำนวนประมาณ 12 – 16 ounces (เกือบครึ่งลิตร) บางครั้งเราจะรู้สึกติดคอ กลืนลำบาก แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราดื่ม Ionized Water ในปริมาณเท่ากัน เราจะรู้สึกถึงความสบายภายในเวลา 5 นาทีหลังจากดื่มเข้าไป เพราะว่าคุณสมบัติความเป็นน้ำที่มีกลุ่มโมเลกุลเล็ก น้ำที่ออกมาจากกระเพาะแล้ว จะเดินทางไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ผมได้ยินคนที่ดื่มน้ำ Ionized Water พูดถึงเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ และนี่เป็นหลักฐานหนึ่งซึ่งได้ข้อสรุปมาจากประสบการณ์จริงของหลาย ๆ คน
เนื่องมาจากคุณสมบัติของการที่น้ำมีกลุ่มโมเลกุลเล็ก, มีความเป็นด่าง, มีค่า ORP เป็นลบ, และความสามารถในการต้านสารอนุมูลอิสระ สิ่งเหล่านี้ “ทำให้ผมเชื่อว่า Ionized Water เป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง”
หลาย ๆ คน คงจะถามถึง น้ำกลั่น (Distilled Water) และน้ำรีเวิสออสโมซีส (Reverse Osmosis Water) น้ำทั้งสองนั้น เป็นน้ำที่มีสภาวะความเป็นกรด และแร่ธาตุทั้งหมด (เกือบทั้งหมด) ที่อยู่ในน้ำก็ถูกกำจัดทิ้งไปหมดแล้ว แน่นอนว่า น้ำเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ แต่มันจะมีค่าอะไร ในเมื่อมันเป็นน้ำที่ไม่มีแร่ธาตุอะไรหลงเหลืออยู่เลย แล้วยังไปสลายแร่ธาตุจากกระดูก และส่วนอื่น ๆ ในร่างกายของเราอีกด้วย
โดยธรรมชาติของน้ำ น้ำมีความต้องการแร่ธาตุเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ถ้ามันไม่มี มันจะไปหาและเอามา ดังนั้น น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ก็จะเอาแร่ธาตุจากหิน ดิน กรวด ตามแหล่งที่มันไหลผ่านมา ดังนั้นจงอย่างปล่อยให้น้ำกลั่น น้ำ RO มาดึงแร่ธาตุออกจากตัวเรา น้ำที่อยู่ในขวดพลาสติกหลาย ๆ ยี่ห้อ ส่วนมากเป็นน้ำที่เป็นกรด และโดยเฉลี่ยแล้ว น้ำถูกบรรจุในขวดนานประมาณ 1-3 ปีก่อนจะถึงมือผู้บริโภค
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า มากกว่า 70% ของร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ คงเป็นการดีที่เราจะต้องเติมน้ำที่ดีที่สุดให้กับร่างกายของเรา โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว จะรู้สึกถึงความแตกต่างทันที
ในท้องตลาด มีเครื่องผลิตน้ำ Ionized Water อยู่มากมาย ผมได้ทำการศึกษาเรื่องเครื่องผลิต Ionized Water และคุณก็ควรจะค้นคว้าด้วยเช่นกัน เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตของทุกเครื่องจะคล้ายคลึงกัน แต่คุณภาพของเครื่อง คุณภาพการผลิตต่างกัน
การทำงานโดยรวมของเครื่องเหล่านี้ ปกติค่อนข้างไม่ยุ่งยากโดยกระบวนการอิเล็กโทรไลซีส (Electrolysis) หรือ การแยกหรือสกัดสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า โดยเครื่องส่วนใหญ่จะติดตั้งโดยมีหัวแยกน้ำจากท่อน้ำ ทำให้น้ำไหลผ่านเข้าตัวเครื่อง ซึ่งจะมีการกรองเกิดขึ้น เพื่อกำจัดคลอรีนและสิ่งปนเปื้อน หลังจากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการทางไฟฟ้า น้ำจะไหลผ่านแผ่นไทเทเนียมที่เคลือบด้วยแพลทินัม ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้า แร่ธาตุที่อยู่ในน้ำจะถูกแยกโดยตัวประจุของมัน
และน้ำจะถูกเปลี่ยนโครงสร้างจากน้ำธรรมดา ให้กลายเป็นน้ำที่เป็นน้ำกรด และน้ำด่างพร้อม ๆ กัน แล้วถูกลำเลียงออกมาจากเครื่องผ่านท่อ 2 ท่อคือ ท่อน้ำที่เป็นด่าง และท่อน้ำที่เป็นกรด ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุที่เป็นกรด ดังนั้นจะไหลออกทางท่อน้ำกรดซึ่งส่วนใหญ่เป็นท่อด้านล่าง โดยหลักการแล้ว โมเลกุลของน้ำจะถูกแยกออกโดยกระบวนการนี้ น้ำที่มี pH ต่ำกว่า (เป็นกรด) จะถูกส่งออกมาที่ท่อด้านล่าง ส่วนน้ำที่มีค่า pH สูงกว่า (เป็นด่าง) จะถูกส่งออกมาที่ท่อด้านบน เครื่องส่วนมากจะสามารถผลิตน้ำด่างได้ถึงค่าประมาณ pH 10 และได้น้ำที่เป็นกรดประมาณ pH 4-5 แต่ก็จะมีเครื่องบางรุ่นสามารถผลิตน้ำได้สูงถึง pH 11.5 และต่ำถึง pH 2.5
คุณกล้าดื่มน้ำที่มีค่า pH 11.5 หรือ 2.5 หรือไม่? น้ำ pH เหล่านั้น ไม่ใช่น้ำที่เหมาะสำหรับการดื่ม แต่ว่าชาวอเมริกัน (รวมถึงคนส่วนมาก) ไม่มีความกลัวที่จะดื่ม “น้ำอัดลม” ที่มีค่า pH 2.5 เลย
อย่างไรก็ตาม เครื่องที่ผลิตน้ำที่มีค่า pH สูงและต่ำมาก ๆ มักจะมีเหตุผลการผลิตที่เฉพาะเจาะจง โดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า เมื่อน้ำเป็นกรดถึงค่า pH 2.6 จะมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสารก่อโรคได้เกือบทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ยอดมากสำหรับทำความสะอาด แผลถลอก, แผลเปิด, และแผลไฟไหม้ รวมถึงการติดเชื้อต่าง ๆ
นอกจากนั้น น้ำที่มี pH เป็น 11.5 จะเป็นตัวอิมัลชั่น (Emulsifier) ซึ่งเป็นตัวช่วยในการรวมตัวของน้ำและน้ำมัน น้ำ pH 11.5 จะสามารถแยกน้ำมันและสารฆ่าแมลงจากผักและผลไม้ โดยปกติก่อนที่เราจะทำการเก็บหรือบริโภคผักและผลไม้ เราจะทำการแช่ด้วยน้ำ pH 11.5 เป็นเวลา 5-10 นาที เมื่อแช่น้ำไว้แล้ว จะเห็นว่าน้ำที่ถูกแช่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง นี่คือสารเคมีและเหล่าย่าฆ่าแมลงที่ถูกล้างออกมานั่นเอง
นอกจากนี้ยังสามารถยืดระยะเวลาการเก็บรักษาในตู้เย็นได้นานขึ้นถึง 2 เท่าเป็นอย่างน้อย และเพราะด้วยเหตุที่ว่ามีความเป็นด่างสูงมาก ๆ มันจะมีความสามารถในการไปดึงสิ่งที่เป็นกรดออก คนที่เป็นโรคข้ออักเสบหรือโรคเก๊าท์ กล้ามเนื้ออักเสบ หรือมีอาการการบาดเจ็บของเนื้อเยื้อต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากน้ำ pH 11.5 ในการช่วยดึงเอากรดเหล่านั้นออกมา เพื่อลดอาการเหล่านั้น และมันก็ได้ผลจริงในผู้ใช้หลาย ๆ ราย
โดยปกติแล้วน้ำ Ionized Water ที่สามารถดื่มได้ จะมีค่า pH 8.0-9.5 ส่วนมากจะเริ่มต้นที่ pH 8.5 และค่อย ๆ เพิ่มไปถึง pH 9.5 โดยจะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับสภาพเข้าสู่กระบวนการของการรักษา (Healing Process) หรือ ภาวะซ่านพิษ Herxheimer Reaction (ภาวะที่ร่างกายพยายามขับสารพิษออกจากร่างกาย และซ่อมแซมสร้างเนื้อเยื้อใหม่เพื่อทดแทนเนื้อเยื่อเก่า ทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ และมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น) อาการนี้เป็นการบ่งชี้ที่ดี ที่ทำให้เห็นว่าน้ำด่างกำลังต่อสู้กับกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ โดยระดับความรุนแรงของปฏิกิริยานี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและความแรงของกรดที่มีอยู่ในร่างกาย อาการที่แสดงออกของการซ่านพิษ อาจมีตั้งแต่อาการเซื่องซึม เหนื่อยล้า ปวดหัว และคลื่นไส้อาเจียน ถ้าอาการนี้มีความรุนแรงเกินไป ควรลดค่า pH ของน้ำ แต่เพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มไป ผลก็คือ ร่างกายจะสามารถขับของเสีย สารพิษ และในขณะเดียวกัน ค่า pH ที่ลดลงอย่างช้า ๆ ก็จะไปลดการกระตุ้นของสารพิษภายในร่างกายไปด้วย
เราได้กล่าวถึงชาว Hunza (Hunzakut) ในบทที่แล้วเกี่ยวกับวิตามิน B17 (หรือ Nitriloside) ที่อยู่ในอาหารของเค้าที่มีชื่อว่า “Apricot Kernels” ชาว Hunza นี้มีอายุขัยที่ยาวนานถึง 120 ปี ซึ่งอาหารที่พวกเขารับประทานนั้น เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งไม่ใช่อาหารที่เรากินทุกวันนี้ นอกจากนี้พวกเขายังดื่มน้ำที่มาจากธารน้ำแข็ง ซึ่งโครงสร้างของมันจะเหมือนกับ Ionized Water Dr. Henri Coanda และ Dr. Pattrick Flanagan (และอีกหลาย ๆ คน) ได้ค้นพบว่าน้ำจากธารน้ำแข็งแห่งนี้ มีปริมาณแร่ธาตุธรรมชาติที่สูงมาก มีค่าความเป็นด่าง pH สูง และยังมีค่า Negative ORP อีกด้วย เราสามารถรับรู้อะไรบางอย่างของความสอดคล้องเหล่านี้ได้บ้าง?
เทคโนโลยีที่ทำน้ำ Ionized Water จึงถือกำเนิดขึ้นที่รัสเซียตั้งแต่ปี 1950 แต่เป็นเวลา 38 ปีมาแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลาประมาณ 35 ปีที่ผ่านมานี้ เทคโนโลยีนี้ได้ผ่านการวิจัยมามากมาย รวมถึงการทดลองโดยไม่มีวันจบสิ้น Ionized Water ที่มาจากเครื่องอิเล็กโทรไลซีส ได้การยอมรับและตรวจสอบในประเทศญี่ปุ่น และการดื่มน้ำประเภทนี้ก็ได้รับการยอมรับกันในประเทศญี่ปุ่น การยอมรับนี้ควรจะเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาด้วย
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ผมใช้เวลาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับทั้งเรื่อง Ionized Water และเครื่องผลิต Ionized Water อยู่เป็นเวลานาน แต่ภายในเวลา 10 นาทีที่คุณได้อ่านเรื่องราวนี้ คุณได้เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำนี้ รวมถึงประสิทธิภาพในความสำคัญต่อคนไข้โรคมะเร็ง
จงอ่านสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ซึ่งจะเปลี่ยนความคิดของคุณทั้งหมดเกี่ยวกับน้ำ: การดื่มน้ำ Ionized Water 1 แก้ว (350 cc) ซึ่งเป็นจำนวนอันน้อยนิด แต่มากไปด้วยประจุลบ และมีค่า OH- ทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า การกินผัก ผลไม้ออร์แกนิคจำนวนมากที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถกินได้ในหนึ่งวันเสียอีก!
มีครั้งหนึ่ง ผมแปลกใจและตกใจมาก ผมบอกผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายคนหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความสำคัญของ Ionized Water เขาตอบผมกลับมาว่า “ชั้นรู้ว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องที่ดี ร่างกายต้องการน้ำ มันเป็นสิ่งสำคัญ.. แต่ว่า แล้วยาของชั้นล่ะ?”
ทีนี้ คุณคงรู้ว่า พวกเราถูกปลูกฝังให้อยู่ภายใต้วัฒนธรรมของการแพทย์ปัจจุบัน ทุกคนเชื่อว่าภาวะการเจ็บปวด รวมถึงมะเร็ง จะถูกรักษาให้หายได้ด้วย “ยา” ผมไม่สามารถคัดค้านต่อต้าน แนวทางการรักษาของแพทย์ได้ การศึกษาแพทย์จะต้องดำเนินต่อไปในทิศทางนี้ ต่อไปเรื่อย ๆ
แด่เพื่อนที่รักของผมซึ่งกำลังเป็นมะเร็ง – และรวมถึงอีก 50% ของคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ก็อาจกำลังอยู่ในช่วงกำลังวินิจฉัย – ได้โปรดอ่านสิ่งต่อไปนี้ ผมไม่สามารถกล่าวได้ว่าน้ำสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ไม่มีใครบอกได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นด้วยตาของผมเอง ผมมั่นใจในหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริงหลาย ๆ อย่างที่ผมได้เจอมา ผมรู้ว่าน้ำมีส่วนช่วยผู้ป่วยอย่างแน่นอน รวมถึงทุก ๆ คนที่ดื่มน้ำ Ionized Water ด้วย
ในหนังสือ Healing is Voltage โดย Dr. Jerry Tennant ได้กล่าวถึง “ไฟฟ้าในร่างกาย” โดยเขายกอธิบายถึงหลักการนี้ว่า การวัดค่า pH นั้น จริง ๆแล้วก็คือการวัดค่าของแรงดันไฟฟ้า (Voltage) เขายกตัวอย่างว่า “วิธีการหนึ่ง ซึ่งใช้วัดสารละลาย ก็คือการวัดโดยใช้เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้า (Voltmeter) ถ้าสารละลายนั้นเป็นผู้บริจาคอิเล็กตรอน (Electron Donor) เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าจะวัดค่าออกมาได้เป็นค่าติดลบ แต่ถ้าสารละลายนั้นเป็นตัวขโมยอิเล็กตรอน (Electron Stealer) เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าจะวัดค่าออกมาได้เป็นค่าเป็นบวก การที่วัดค่าได้เป็น +150 millivolts นั่นหมายความว่า สารนั้นเป็นตัวขโมยอิเล็กตรอน ซึ่งมีกำลังในการขโมยเท่ากับ 150 milivolts ตรงกันข้าม ถ้าเราวัดสารนั้นได้ -200 millivolts สารนั้นจะเป็นผู้บริจาคอิเล็กตรอน ซึ่งมีกำลังในการบริจาคเท่ากับ 200 millivolts”
Dr. Jerry อธิบายต่อว่า เมื่อเราได้วัดค่าแรงดันไฟฟ้าของสารละลายมาแล้ว เราจะสามารถเปลี่ยนค่าของหน่วยที่เราวัด โดยใช้หลักการคำนวณลอการิทึม (logarithmic) ซึ่งจะเปลี่ยนค่าแรงดันไฟฟ้านี้ ให้เป็นค่าในหน่วย pH
ตัวอย่างเช่น สารละลายที่มีค่า pH 7.35 จะมีค่าแรงดันไฟฟ้าเท่ากับ -20 mV และ pH 7.45 จะมีค่าแรงดันไฟฟ้าเท่ากับ -25 mV เซลล์ที่ทำงานอยู่ในร่างกายเรามีค่าแรงดันไฟฟ้าระหว่าง -20 ถึง -25 milivolts ซึ่งเป็นสถานะ Electron Donor
“สถานะตัวขโมยอิเล็กตรอน Electron Stealer ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย เกิดขึ้นจากสภาวะความเป็นกรด pH 0 ถึง 6.9, อนุมูลอิสระ, ประจุบวก ทั้งหมดนี้จะไปทำลายเซลล์ในชั้นอะตอม คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า โรคร้ายความเสื่อมต่าง ๆ เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีกรดมากเกินไป ความหมายก็คือ โรคร้ายเกิดจากการที่เซลล์อยู่ในสภาวะ ที่มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ในสถานะตัวขโมยอิเล็กตรอน คุณอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘จะเป็นด่าง หรือจะตาย’ (Alkaline or Die) ซึ่งหมายความว่า คุณจะต้องมี Electron เพื่อให้เซลล์ได้ทำงานอย่างปกติ มิเช่นนั้นคุณก็จะตาย”
นอกจากนี้ Dr. Jerry กล่าวถึงสาระสำคัญที่หนึ่งสิ่ง “คนเราพยายามที่จะรักษาร่างกายให้มีสุขภาพดี และร่างกายก็พยายามสร้างเซลล์ใหม่ดี ๆ ขึ้นอยู่เสมอ และกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ในร่างกายนั้น จะต้องใช้แรงดันไฟฟ้าถึง -50 mV”
ผมอธิบายมาค่อนข้างยาว แต่มันมีสาระสำคัญเพื่อที่คุณจะได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับ Ionized Water มากขึ้น หมออธิบายว่า หัวนิ้วโป้งเราในสภาวะปกติ มีแรงดันไฟฟ้าที่ -25 mV นิ้วจะเป็นสีชมพู ใช้งานหยิบจับได้สะดวก แต่ถ้าเราเอาค้อนมาทุบที่นิ้วโป้ง นิ้วจะแดง บวม ร้อน และเราจะปวด กระบวนการนี้ทำให้แรงดันไฟฟ้าที่นิ้วลดลงเป็น -50 mV ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์ที่เสียหายไป ในสภาวะที่ -50 mV หลอดเลือดจะขยายขึ้นจะไปดึงเอาวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน, แร่ธาตุ และอื่น ๆ มาจากเซลล์ใกล้เคียงเพื่อใช้ในการสร้างเซลล์ใหม่
“ทันทีที่ร่างกายสร้างเซลล์ใหม่ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายแล้ว แรงดันไฟฟ้าจะปรับกลับลงมาที่ -25 mV เช่นเดิม ตอนนี้นิ้วเราก็หายเจ็บแล้ว แต่ถ้าสมมติว่า ร่างกายมีแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ นิ้วโป้งโดนค้อนทุบ แรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ -10 mV ร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายไม่ได้ ภาวะการอักเสบเรื้อรังก็จะเกิดขึ้น ร่ายกายจะรอจนกว่าจะมีแรงดันไฟฟ้าที่เพียงพอ”
“เราจะเห็นได้ว่า โรคเรื้อรังต่าง ๆ มักเกิดจากการที่เรามีแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอ ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ถ้าแรงดันไฟฟ้าไม่ถึง -50 mV หรือถ้าไม่มีวัตถุดิบที่เพียงพอในการสร้างเซลล์ใหม่ บางคนอาจจะไปหาหมอ ทานยา ผ่าตัด หาหนทางรักษาอื่น ๆ แต่ร่างกายจะไม่รักษาตัวเองจนกว่าจะได้แรงดันไฟฟ้า ได้วัตถุดิบที่เหมาะสม และจะต้องไม่มีพิษสะสมในร่างกาย”
“ถ้าคุณรักษาสภาพแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมไว้ไม่ได้ ร่างกายจะไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เลย สุขภาพก็จะไม่ดีขึ้น คุณจะป่วยและโรคที่เกิดจากความเสื่อมในร่างกายก็จะตามมา สุดท้ายคุณก็อาจจะเป็นโรคเรื้อรัง ร่างกายไม่ต้องการยาเพื่อใช้ในการรักษา ร่างกายแค่ต้องการสภาวะเหมาะสมให้กับการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ซึ่งก็คือ การรักษาแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสม, ทานอาหารที่มีประโยชน์ และต้องชำระล้างพิษต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกาย”
สรุปได้ว่า ร่ายกายเราต้องการ -50 mV เพื่อใช้ในการรักษา (ไม่ใช่ยา) ต้องการอาหารที่ดี และการล้างพิษ (Detoxification) การจะทำให้ร่างกายมีแรงดันไฟฟ้าที่ -50 mV ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์แต่อย่างใด มันเกิดขึ้นจากการที่เราทานหรือดื่มสิ่งที่มีค่า pH เป็นด่าง อิเล็กตรอนในน้ำจะช่วยเข้าไปจับกับอนุมูลประจุบวก ทำให้อนุมูลอิสระหายไป
ใช่แล้ว! เรามากันถูกทางแล้ว น้ำ Ionized Water และจะต้องเป็น Ionized Water ที่คุณภาพดีเท่านั้น สิ่งนี้เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ เป็นแนวทางที่จะสามารถช่วยให้ร่างกาย ปรับสภาพกลับมาให้อยู่ในสถานะที่เหมาะสมต่อการสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ตามที่ Dr. Jerry ได้กล่าวมา
นอกเหนือจาก Dr. Jerry แล้ว เรายังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่าน ที่ให้การสนับสนุนการดื่ม Ionized Water:
Dr. Ray Kurzweil และ Dr. Terry Grossman ผู้แต่งหนังสือ Fantastic Voyage: Live Long Enough to Live Forever เขียนไว้ว่า:
“การดื่มน้ำประเภทที่ถูกต้อง มีความสำคัญต่อการขับสารพิษซึ่งเป็นกรดออกไปจากร่ายกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพให้ดี ผมแนะนำให้ดื่มน้ำ Alkaline Water ทุก ๆ วัน วันละ 8-10 แก้ว นี่เป็นแนวทางในการดูแลรักษาสุขภาพที่ทำได้ง่ายที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการต่อต้านการเกิดโรคต่าง ๆ ”
ผู้เขียนหนังสือ The pH Miracle, Dr. Robert Young กล่าวว่า “การดื่มน้ำ Ionized Water ซึ่งน้ำที่อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ และมีค่าความเป็นด่าง จะช่วยให้ร่างกายเรารักษาสมดุลของ pH ให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และยังช่วยในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสะสมของกรดในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดจากความเสื่อมทั้งหลาย รวมถึงการช่วยในการชะลอวัยอีกด้วย”
Dr. Gabriel Cousins, ผู้แต่งหนังสือ Conscious Eating กล่าวว่า
“น้ำ Ionized Water อาจเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลรักษาสุขภาพในยุคนี้”
“การค้นพบว่าเรามีน้ำดื่มที่มาจากเครื่อง Water Ionizer นั้นนับว่าเป็นการค้นพบที่มีความสำคัญที่สุดในวงการสุขภาพ หลังจากที่ Sir Alexander Fleming ได้ค้นพบยา Penicillin” คำกล่าวนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ Cancer Cure โดย Dr. William Kelly.
Dr. Theodore Baroody, D.C., N.D., Ph.D. Nutrition และเป็นผู้เขียนหนังสือ Alkaline or Die แสดงความเห็นว่า
“จากประสบการณ์ในคลินิคที่ผ่านมาหลายปี ผมได้เห็นผลที่ดีมาก ๆ ในการทดลองให้คนไข้จำนวนมากกว่า 100 คน ดื่มน้ำ Ionized Water ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ จะเปลี่ยนแนวทางการดูแลสุขภาพได้
ผมแนะนำว่า ควรดื่มน้ำ Ionized Water ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” และ Dr. Baroody ยังกล่าวอีกว่า “คุณไม่ได้ต้องการยาที่ราคาแสนแพง และมีผลข้างเคียงที่แย่ ๆ ในการดูแลรักษาสุขภาพ น้ำ Ionized Water เป็นการดูแลสุขภาพระยะยาว เพราะว่าน้ำจะไปช่วยลดความเป็นกรด และยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายอีกด้วย”
และนี่เป็นคำกล่าวที่มาจากอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ detoxifynow.com
“น้ำ Ionized Water มีจำนวน Hydroxyl (OH-) อยู่ในน้ำเป็นล้าน ๆ ประจุ ไม่มีน้ำชนิดใดที่จะให้ประโยชน์กับร่างกายได้มากขนาดนี้ ประจุนี้จะช่วยทำให้ลดอนุมูลอิสระ อันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง”
“น้ำ Ionized Water ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากกว่าน้ำชนิดอื่น ๆ เป็นพัน ๆ เท่า ทุกคนที่ดื่มน้ำชนิดนี้ ไม่ว่าจะดื่มจากแหล่งธรรมชาติ จากธารน้ำแข็ง หรือจากเครื่องผลิตที่ดี จะทำให้มีสุขภาพดี อายุยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม”
“1 แก้วของ Ionized Water สามารถทำให้ร่างกายได้รับน้ำ ได้รับความชุ่มชื่นมากกว่าการดื่มน้ำชนิดอื่น ๆ หลาย ๆ แกลลอน”
“การดื่มน้ำ Ionized Water สามารถทำให้ร่างกายปรับสมดุล กรด-ด่าง ได้ดีกว่าการทานอาหารอย่างอื่น ๆ รวมถึงการกินอาหารออร์แกนิค 100% และการกินมังสวิรัติด้วย”
“มะเร็ง, โรคอ้วน, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ข้ออักเสบ, โรคไต, เส้นเลือดตีบ, และอื่น ๆ โดยส่วนมากแล้ว เมื่อดื่มน้ำ Ionized Water อาการของโรคเหล่านี้จะทุเลาลง หรือหายได้”
“การดื่มน้ำ Ionized Water สามารถชำระล้างของเสียออกจากร่างกายได้มีประสิทธิภาพ มากกว่าการไปเข้าคอร์สล้างพิษ และยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อีกด้วย”
ประโยคสุดท้าย ได้รับการยอมรับจาก Dr. Hiromi Shinya แพทย์ซึ่งเป็นผู้คิดค้นการผ่าตัดติ่งเนื้อ (Polyps) ในลำไส้ใหญ่ โดยวิธีการส่องกล้องได้เป็นคนแรกของโลก วิธีการผ่าตัดนี้เรียกกันไปอย่างแพร่หลายว่า “Shinya Method” Dr. Shinya ตรวจคนไข้มามากกว่า 370,000 ราย และผ่าตัดติ่งเนื้อคนไข้ไปมากกว่า 140,000 คน และยังเป็นคุณหมอที่ให้การสนับสนุนทฤษฎี เรื่องราวของ Ionized Water อย่างมากอีกท่านหนึ่ง เพราะคุณหมอได้เห็นพัฒนาการที่ดีของคนไข้มากมายผ่านกล้องสำรวจ หลังจากที่คนไข้ดื่ม Ionized Water คุณสามารถตรวจสอบข้อมูล และดูคลิปวิดีโอของคนไข้ของคุณหมอ ก่อนและหลังดื่ม Ionized Water ได้ในอินเตอร์เน็ต แค่พิมพ์ชื่อ Dr. Shinya ลงไปก็จะมีวิดิโอเกี่ยวกับเรื่องของคนไข้และน้ำ Ionized Water อยู่มากมาย (แต่ผมแนะนำให้ดูเวลาทานข้าวเสร็จแล้วนะ)
คุณหมอแนะนำให้คนไข้ของคุณหมอดื่ม Ionized Water อย่างน้อยวันละ 1 แกลลอน หรือมากกว่านั้นถ้าเป็นคนตัวใหญ่ ผู้ป่วยมะเร็งของ Dr. Shinya ทุกคน ไม่มีใครกลับมาเป็นมะเร็งอีกเลย และคุณหมอก็ได้เขียนลงในหนังสือของคุณหมอว่า ถ้าคุณสามารถดำเนินชีวิตได้แบบเดียวกับคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะไม่เป็นโรคมะเร็ง
หน้าที่เข้าชม | 291,666 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 253,702 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |