วิตามินซี (Vitamin C) หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก (L-ascorbic acid) หรือ แอสคอร์เบต (Ascorbate)
ซึ่งเป็นแอนไอออนของกรดแอสคอร์บิก เป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับมนุษย์และสัตว์อื่นบางชนิด และเป็นวิตามินประเภทที่ละลายในน้ำ วิตามินซีหมายถึงหลายวิตาเมอร์ซึ่งมีกัมมันตภาพวิตามินซีในสัตว์ ซึ่งรวมกรดแอสคอร์บิกและเกลือของมัน บางรูปอ็อกซิไดซ์ของโมเลกุลอย่างกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก แอสคอร์เบตและกรดแอสคอร์บิกมีอยู่ธรรมชาติในร่างกายเมื่อตัวใดตัวหนึ่งถูกนำเข้าเซลล์ เนื่องจากรูปแปลงไปมาได้ตาม pH
วิตามินซีเป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาเอ็นไซม์อย่างน้อยแปดปฏิกิริยา ซึ่งรวมหลายปฏิกิริยาของการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งหากทำงานผิดปกติจะทำให้เกิดกลุ่มอาการรุนแรงของโรคลักปิดลักเปิด ในสัตว์ ปฏิกิริยาเหล่านี้สำคัญมากในการสมานแผลและการป้องกันเลือดออกจากหลอดเลือดฝอย แอสคอร์เบตยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระต่อความเครียดอ็อกซิเดชัน (oxidative stress)
ข้อเท็จจริงที่ว่า อีเนนทิโอเมอร์ (enantiomer) ดี-แอสคอร์เบต (D-ascorbate) ซึ่งไม่พบในธรรมชาติมีกัมมันตภาพต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับแอล-แอสคอร์เบตแต่มีกัมมันตภาพวิตามินน้อยกว่ามาก เน้นข้อเท็จจริงที่ว่าการทำหน้าที่วิตามินส่วนใหญ่ของแอล-แอสคอร์เบตนั้นมิได้อาศัยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของมัน แต่เป็นปฏิกิริยาเอ็นไซม์ซึ่งสเตอริโอเคมีจาเพาะ (stereospecific) "แอสคอร์เบต" ที่ไม่มีอักษรบอกรูปอีแนนทิโอเมอร์จะสันนิษฐานว่าหมายถึงสารเคมีแอล-แอสคอร์เบตเสมอ
แอสคอร์เบตจำเป็นต่อหลายปฏิกิริยาเมแทบอลิซึมจำเป็นหลายปฏิกิริยาในสัตว์และพืชทุกชนิด มีการสร้างภายในในสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิด ซึ่งทุกชนิดที่ไม่สังเคราะห์จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
กรดแอสคอร์บิกมีการใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหารอย่างกว้างขวางเพื่อป้องกันอ็อกซิเดชัน
วิตามินซี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี
ดังนั้นคนเราจึงต้องเสริมวิตามินซีให้เพียงพอต่อความต้องการอยู่เสมอ โดยเราสามารถหาวิตามินซีได้จากพืชผักผลไม้ทั่วไป โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว และจากวิตามินซีที่อยู่ในรูปของอาหารเสริม แต่ทั้งนี้การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิตามินซี
1.วิตามินซี มีคุณสมบัติละลายน้ำจึงสามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยขับสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ลดปัญหาสิว ฝ้า กระ หมดกังวลเรื่องผิวเสียไปได้เลย
2.มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน
และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเนียนใส สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก พร้อมฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านจากการถูกแดดเผา ให้กลับมาเรียบเนียนและดูมีสุขภาพผิวดีอีกครั้ง
3.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก
เหมาะกับคนที่ขาดธาตุเหล็กหรือร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อย โดยวิตามินซีจะทำให้ร่างกายของเรามีความสามารถในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น และได้รับปริมาณของธาตุเหล็กและวิตามินซีที่เพียงพอในแต่ละวัน
4.ความเครียดจะทำให้วิตามินซีถูกสลายไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากวิตามินซีจะถูกดึงไปใช้เพื่อปรับสภาพอารมณ์ในปริมาณมาก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียดและหมั่นทำกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลายบ่อยๆ เพื่อให้วิตามินถูกนำไปใช้อย่างช้าที่สุด
5.วิตามินซีมีศัตรูคือ แสง ออกซิเจน บุหรี่ ความร้อนและน้ำ
ซึ่งหากได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้นานๆ จะทำให้วิตามินซีสลายไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ร่างกายขาดวิตามินซีในที่สุด
6.การทานวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ตัวอย่างเช่น อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย เป็นนิ่วหรือมีผื่นผิวหนัง แถมยังอาจทำให้ผลการตรวจวินิจฉัยโรคบางโรคแปรปรวนไปจากความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจึงควรทานวิตามินซีในปริมาณที่พอเหมาะ และหลีกเลี่ยงการทานวิตามินซีเสริมเมื่อต้องตรวจวินิจฉัยโรค เช่น โรคมะเร็ง เพื่อให้ผลตรวจออกมาตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด
7.ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับ
คือ 60 mg. ต่อวัน ในคนปกติ ส่วนในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุ ควรได้รับวิตามินซีมากขึ้นประมาณ 70-96 mg. ต่อวัน
8.การทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุด
ควรทานหลังมื้ออาหารหรือทานพร้อมอาหาร เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและวิตามินซีไปใช้งานได้ง่ายขึ้น และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร

วิตามินซีในอาหารที่พบได้มาก
โดยปกติแล้วเราสามารถหาวิตามินซีได้จากธรรมชาติ โดยเฉพาะในพืชผักผลไม้ทั่วไป ซึ่งแหล่งวิตามินซีที่พบได้มากที่สุด มีดังนี้ 1. มะขามป้อม
มะขามป้อม มีวิตมินซี 276 มิลลิกรัม/100 กรัม นิยมนำมาทานเพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และเป็นยารักษาโรคต่างๆ ซึ่งประโยชน์ของมะขามป้อม มีดังนี้
บรรเทาอาการไอและอาการเจ็บคอ ทั้งมีส่วนช่วยในการละลายเสมหะได้เป็นอย่างดี
บรรเทาอาการหวัด ลดไข้ ตัวร้อนแค่ไหนแค่ทานมะขามป้อมก็เอาอยู่
ช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา และรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น
2. ฝรั่ง
ฝรั่ง มีวิตามินซี 160 มิลิกรัม/100 กรัม สามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ จิ้มพริกเกลือหรือจะนำมาทำเป็นฝรั่งแช่อิ่ม แช่บ๊วยก็ได้ แต่แนะนำให้ทานแบบสดๆ จะดีกว่า เพราะมีคุณค่าทางสารอาหารสูง โดยเฉพาะที่เปลือกจะมีวิตามินซีอยู่มากที่สุด โดยฝรั่งมีประโยชน์ ดังนี้
ลดไขมันในเลือด ป้องกันและบรรเทาโรคเบาหวาน พร้อมทั้งช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในระดับที่ปกติ
มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันโรค และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งและช่วยต้านเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
มีฤทธิ์เป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูกและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บรรเทาอาการปวดฟัน และเสริมสร้างเหงือกและฟันให้แข็งแรง ทั้งยังลดอาการอักเสบของเหงือกได้
3. กีวี
กีวี มีวิตามินซีประมาณ 105 มิลลิกรัม/100 กรัม มีรสชาติอร่อยๆ ทั้งยังมีกากใยสูงและแคลอรี่ต่ำ จึงไม่ต้องกลัวอ้วน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งประโยชน์ของกีวี่นั้น มีดังนี้
บรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ พร้อมทั้งบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดี
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้คุณดูอ่อนเยาว์ลง และมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น
มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก สลายไขมันส่วนเกิน ควรทานกีวี่ก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มและทานอาหารมื้อนั้นได้น้อยลง
ป้องกันอาการท้องผูก เหมาะกับคนที่มักจะท้องผูกบ่อยๆ เป็นอย่างมาก และยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
4. มะละกอสุก
มะละกอสุก มีวิตามินซีประมาณ 70 มิลลิกรัม/100 กรัม มีรสชาติหวานอร่อย ทานง่าย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ซึ่งประโยชน์ของมะละกอสุก มีดังนี้
ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด และลดความเสี่ยงโรคอาการเลือดออกตามไรฟันได้อย่างดีเยี่ยม
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวดูขาวกระจ่างใส และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น
มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะและเป็นยาระบายอ่อนๆ จัดการกับปัญหาอาการท้องผูกได้อย่างอยู่หมัด รวมทั้งป้องกันโรคนิ่วได้เป็นอย่างดี
5. ส้มโอ
ส้มโอมีวิตามินซีประมาณ 44 มิลลิกรัม/100กรัม สามารถนำมาทานสดๆและนำไปประกอบเมนูอาหารต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งยำ สลัดหรือจะนำมาทำเป็นส้มตำก็ได้ โดยประโยชน์ของส้มโอ ได้แก่
บรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง ให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายท้องมากขึ้น
ลดอาการปวดและป้องกันเลือดออกตามไรฟัน พร้อมบำรุงสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
แก้หวัด ลดไข้ บรรเทาอาการไอและขับเสมหะ ช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ ลดอาการเจ็บคอได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ก็ยังมีผักผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่เป็นแหล่งของวิตามินซีด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รีหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี พริกหวานสีแดง บร็อกโคลี่ ยอดผักหวาน มะระและดอกแค เป็นต้น